23 พ.ค. 2022 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น
#ชัชชาติ
ถ้าเราถอด message คุณชัชชาติออก เราจะรู้เลยว่าแกอยู่ขั้วไหน แกพูดเพื่ออะไร แล้วทำไมต้องพูด message นี้ในวันแห่งชัยชนะของตน เรามาถอดรหัสเรื่องราวเล็กๆนี้ร่วมกันครับ
1) คุณชัชชาติเลือกที่จะ call out เรื่องการต้อต้านการรัฐประหาร แบบที่ไม่พูดคำว่าต่อต้าน ไม่พูดแสดงอารมณ์เกลียด พูดต่อต้าน แต่ไม่มีคำว่าต้าน เก่งโคตรๆ ซึ่งความหมายก็คือคำตอบที่ออกมาจากปากคือ "กูไม่เอา"
คนแบบคุณชัชชาติคือ best communicator แกสื่อสารออกมาแต่ละคำ มันเห็นภาพความเลวร้ายของรัฐประหารหมดเลย แต่แกไม่ใช้คำด่าทอสักคำ ถึงได้ต้องบอกว่าคนคนนี้ เป็นคนที่สมองคิดมาแล้วว่าตัวเองจะพูดอะไร และพูดมันอย่างชาญฉลาด
2) มันทำให้เรารู้เลยว่าเรื่องรัฐประหารที่เขาเจอกับตัวเองเป็น "บาดแผลในใจ" (Trauma) ของคุณชัชชาติที่ย้อนไปนึกถึงแล้วเจ็บปวดขนาดไหน เพราะขณะพูด เราสัมผัสถึงความรู้สึกที่เป็นอารมณ์ทางลบที่ถูกกดทับไว้ไม่ให้ออกมา แวววตาที่รู้สึกเศร้าหมอง แต่สามารถ twist มันออกมาให้เป็นข้อความที่สร้างสรรค์ได้ เขาเก่งมาก
3) เขาใช้เวทีที่ตัวเองได้คะแนนเสียงมากมาย ถล่มทลาย มาพูดเรื่องนี้ ทั้งๆที่ จะข้ามไปเลยก็ได้ ก็แค่ยินดีปรีดากับตัวเองแล้วจบ แต่กลับพูดบาดแผลในวันนี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เพราะเขาให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย และการเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นที่ตั้ง เพราะอยาก hook วันสำคัญ เนื่องจาก 22 พฤษภา เมื่อปีที่แล้ว วันนั้นคือวันทำรัฐประหารโดย คสช. ครบ 8 ปีพอตรงกับวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2565
4) message หัวใจคือ "ถ้าเราเกลียดกันเมื่อไหร่ จะมีคนเข้ามาหาประโยชน์จากประชาชนทันที" ดังนั้น เราต้องรักสามัคคีกัน ไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลมีอำนาจมาแทรกแซง ในช่วงเวลาระส่ำระสาย ทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้งกันของประชาชน เราจงหันมาจับมือกันให้แน่น อย่าให้อำนาจทหารมาแทรกแซงเรา
4) ความหมายของคุณชัชชาติ ที่สื่อสารออกมา ไม่ได้หมายถึงให้เราคิดเหมือนๆกันไปหมด 'เราคิดต่างกัน แต่ต้องไม่เกลียดกัน' ถ้าใครเข้าใจความหมายนี้ได้ กลุ่มสลิ่ม พวกรับจ้างเป็น IO ทหาร ติ่งส้ม ติ่งทักษิณ ถ้าเรามองภาพนี้ออกไปด้วยกัน เราจะจับมือกันใหม่ กด restart โดยที่ไม่ต้องมีรัฐประหาร
คือถ้าเราคิดได้จริงๆ เราจะเลิกมาปั่นหัวกันเอง ปลุกปั่นด่าทอทะเลาะกันเอง แล้วตกเป็นเหยื่อทหาร แต่เราจะสร้างเกราะป้องกันไม่ใช่ตัวเองเป็นเหยื่อรัฐประหารซ้ำซาก ใครรับจ้างเป็น IO หรือยังยึดติดเชียร์รัฐบาลจากรัฐประหารได้ฟังคุณชัชชาติ แค่ไม่กี่ประโยค ควรตาสว่างแล้วนะ
5) วันที่ 22 พฤษภา ที่คุณชัชชาติพูดมันคือสัญลักษณ์ที่สะท้อนว่า 8 ปีผ่านไป ประชาธิปไตยในประเทศ กลับมาเบ่งบานแล้วจริงๆ มันไม่ใช่แค่ชัยชนะของเขาแต่มันหมายถึงชัยชนะของประชาชน หรือคำสั่งอำนาจของประชาชนที่อยากให้ใครมาทำงาน ด้วยการเลือกตั้งเข้ามา จากเสียงของประชาชนโดยแท้จริง มิใช่การยึดอำนาจ ทำตามกฎระบบระเบียบกติกาอย่างสง่างาม
6) เราจะเห็น Brand DNA คุณชัชชาติผ่าน message นี้คือ "ความมุมานะพยายาม" 8 ปีที่ผ่านมา เขายังสู้ต่อไม่หยุด จนได้รับชัยชนะท่ามกลางการยอมรับของประชาชน 8 ปีไม่สายเกินไปจริงๆ เขากลับมา Top Form ขอพิสูจน์ฝีมือตัวเอง และอยากจะทำงานเพื่อประชาชนอีกครั้ง
ถ้าเป็นคนอื่น 8 ปี นานพอที่จะถอดใจไปแล้ว ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ชัชชาติใช้เวลา research กทม. 2 ปีเต็มก่อนการหาเสียง เพื่อเตรียมนโยบาย 214 ข้อที่ตนจะเปลี่ยนกรุงเทพฯอย่างตั้งใจ คนแบบคุณชัชชาติคือคนที่ไม่ยอมแพ้ ต้องให้คุณค่าเขาในเรื่องนี้
7) ตัวตนของคุณชัชชาติคือคนขั้วประชาธิปไตยโดยแท้จริง เชื่อในการเคารพเสียงของประชาชน ไม่เอารัฐประหาร ไม่เชื่อในอำนาจที่มาแทรกแซงอำนาจสูงสุดของประเทศที่ควรเป็นของประชาชน เขาเผยตัวตนที่ชัดที่สุดในวันแห่งชัยชนะ ทำให้คนมองออกว่าเขาเป็นคนแบบไหน ยึดอะไรเป็นสรณะในการทำงาน เขายึดถือเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย และเอาประชาชนเป็นที่ตั้งจริงๆ จึงไม่เอารัฐประหาร
8 ) "รัฐประหาร" คือภาพสะท้อนความล้มเหลวของประเทศ ที่กลุ่มบุคคลอาศัยความแตกแยก เข้ามาหาอำนาจ ผลประโยชน์ ใช้กำลังละเมิสิทธิมนุษยชน และกดขี่ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ฉีกประชาธิปไตยของประเทศ ร่างกฎหมู่ของตัวเองขึ้นมา ปกครองประเทศ เหยียบย่ำอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน ถ้าเรามีตรรกะที่ถูกต้องไม่บิดเบี้ยว วันนี้ต้องตาสว่างแล้ว มันผ่านมา #8ปีแล้วนะไอ้สัส ยังไม่เห็นความฉิบหายของประเทศอีกหรือ?
ขอบคุณคุณชัชชาติที่พูดเรื่องนี้ ถูกจังหวะเวลา และทรงพลังอีกเช่นเคยครับ
IG : Tootsyreview
TW : ThinkTalkLoud
#ตุ๊ดส์review
#ThinkTalkLoud
โฆษณา