นักวิเคราะห์และสื่อภายในสหรัฐทั้งต่อว่าทั้งเตือน .. ว่าสหรัฐไม่รอดแน่ๆ ไบเดน และเยเลน อย่าดึงดัน!!!
สหรัฐอย่าลดภาษีการนำเข้าจากจีนเด็ดขาด!! มิฉะนั้นสหรัฐจะเน่าแน่ๆ และจะต้องเป็นรองจีนแบบไม่มีวันฟื้นคืนให้อีกเลย
' โจ ไบเด้นประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะทำพลาดอย่างมหันต์ในการที่คิดลดภาษีนำเข้าจากจีนมายังสหรัฐ " พาดอยู่บนหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับของสหรัฐ
เรื่องลดภาษีการนำเข้าจากจีนที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของ ทางรัฐบาลสหรัฐ กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันของนักวิเคราะห์ของทาง สหรัฐอย่างกว้างขวาง
ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยแล้วไม่เห็นด้วย สื่อและนักวิเคราะห์ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งของ republication ซึ่งสนับสนุนทางข้อเสนอ ในการขึ้นภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา
สื่อทางการของสหรัฐ ก็เหมือนสื่อไทยซึ่งมีทั้งซ้ายและขวาและฝักใฝ่ในพรรคการเมืองแต่ละฝั่งของสหรัฐ
เรื่องนี้ทาง Washington Post รวมถึง Fox News ออกบทวิเคราะห์มา ว่าขณะที่ โจ ใบเดนกำลังไปเยี่ยมเยือนทางญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เพื่อให้นักธุรกิจของพวกเขามาลงทุนในสหรัฐ และรับปากกับทางการทั้งสองชาติที่จะร่วมกันต่อต้านการเติบโตของจีน แต่สิ่งที่กำลังทำกลับตรงกันข้าม
เพราะสิ่งที่กำลังจะนำมาพิจารณากันนี่ เป็นการ กระทำที่สวนทางกับสิ่งที่ไปสัญญากับทางญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อย่างมาก การที่ทางสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการ ยกเลิกภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนไปยังสหรัฐนั้น จะเป็นการลดทอนความสามารถของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างแท้จริง และเป็นการสร้างความยิ่งใหญ่ให้ทางเศรษฐกิจจีน
ข้อมูลจากสำนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ก็ระบุข้อความสนับสนุนว่าการลดภาษี 25% ของสหรัฐต่อสินค้านำเข้าจากจีนนั้นช่วยลดเงินเฟ้อได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างภาพลวงตาต่อผู้บริโภคมากกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองทั้งสิ้น
สื่อดังกล่าวยังวิจารณ์ต่ออีกว่า เรื่องการลดภาษีที่กำลังนำมาพิจารณาอยู่นี้ บ่งบอกเป็นการพ่ายแพ้ของสหรัฐต่อการกระทำทางการค้าที่จีนเอาเปรียบต่อสหรัฐ
จริงอยู่ที่สิ่งที่ตัวไบเดน กำลังจะพิจารณาเรื่องการลดภาษีนำเข้าจากจีนที่นั้น ก่อความเสี่ยงที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐอาจถึงขั้นอับปางโดยเฉพาะภาคการผลิต
เพราะหากการปรับลดภาษีเกิดขึ้นจริงน่าจะทำให้กลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามา และกลุ่มผู้ผลิตเดิมในสหรัฐอาจถึงคราวสิ้นสุด โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มปัจจัย 4 หลังจากที่ทาง Donald trump พยายามที่จะให้ภาคผลิตในสหรัฐกลับมาแข็งแรงและช่วยเหลือตัวเองได้
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เงินเฟ้อที่สูงจนควบคุมไม่ได้สินค้าอุปโภคบริโภค หากไม่แก้ไขให้ทันท่วงที และกังวลว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในช่วง 1-2 ปีถัดไปอาจจะรุนแรงเกินแก้ไขได้ เนื่องจากผลกระทบของการขาดแคลนอาหาร และพลังงานจากสงครามรัสเซีย กำลังจะส่งผลรุนแรงให้กับยุโรปและจะสะเทือนมาถึงทางสหรัฐอย่างรวดเร็ว
แน่นอนแล้วว่าสิ่งที่โจ ไบเดนกำลังทำนั่นคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ใช้การเมืองเป็นตัวแก้ไขเพราะทางเดโมแครตต์เองไม่ต้องการให้ ภาพของเศรษฐกิจที่ล่มสลายเกิดขึ้นในสมัยที่ทางโจไบเดนเป็นผู้ดูแลอยู่
ขณะนี้ว่ากันตามตรงเครื่องมือของทางรัฐบาลสหรัฐที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองนั้นมีไม่มาก และมันก็ต้องหยิกเล็บ เจ็บก็เจ็บเนื้อทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกประคองในลักษณะไหน
เพราะหากไม่ลดภาษี ทางการจีนจะใช้เครื่องมือในการถอนพันธบัตรจากธนาคารกลางสหรัฐมาเป็นเครื่องมือในการ สร้างความกดดันด้านดอกเบี้ยให้สูงขึ้น และสร้างเงินเฟ้อให้กับทางสหรัฐได้อยู่ดี รวมถึงยังควบคุมค่าเงินตัวเองให้สามารถแข่งขันสบายๆในเวทีโลก
จีนและญี่ปุ่น เป็นผู้ถือพันธบัตรสหรัฐมากที่สุดในโลก กำลังใช้นโยบายเดียวกันในการควบคุมเงินเฟ้อในประเทศของตัวเองและค่าเงินของตัวเองโดยการ ใช้พันธบัตรสหรัฐเป็นเครื่องมือในตลาด
ขณะนี้ทางจีนกำลังใช้การลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศในการกระตุ้นเศรษฐกิจทางต้นทุนการส่งออกและกระตุ้นลงทุนและการบริโภคภายในประเทศได้โดยที่ไม่กังวลถึงเงินเฟ้อหรือเงินไหลออก ซึ่งจะทำให้มีปัญหากับค่าเงินของจีน เพราะว่ายังมีพันธบัตรสหรัฐในมืออีกมาก เพื่อจะเอามาขายและควบคุมค่าเงินของจีนได้
ตอนนี้ทางจีนอยู่ในจุดได้เปรียบสุดๆทาง เศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าทางสหรัฐจะลดหรือไม่ลดภาษีก็ตาม ความสามารถทางด้านการผลิตและการแข่งขันของทางจีนยังคงสูงมากและ จำนวนพันธบัตรสหรัฐที่อยู่ในมือจีนมีมากจนสามารถทำให้จีนเล่นแร่แปรธาตุได้อีกมาก ทั้งเรื่องการควบคุมค่าเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และอำนาจทางการเมือง
หลังจากนี้ก็ต้องดูกันไปว่า ทางสหรัฐจะเอายังไงกับทางจีน เพราะเรื่องนี้มีผลต่อตัวเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะยาวแน่ๆ
เพราะหักลดภาษีไปแล้วความเสียหายเกิดขึ้นกับทางผู้ผลิตในสหรัฐ และลดการดึงดูดการลงทุนจากพันธมิตรต่างชาติ ซึ่งหากลดไปแล้วทางการสหรัฐเองก็ไม่สามารถกลับมาขึ้นภาษีอีกรอบในเวลาอันใกล้นี้เพื่อจะจูงใจให้คนกลับมาลงทุนได้ เพราะความน่าเชื่อถือในการกลับไปกลับมาในนโยบาย จะทำให้ภาคการลงทุนขาดความเชื่อมั่นและระยะเวลากาตัดสินใจจะต้องนานกว่าที่เกิดขึ้นได้เหมือนในอดีต
สำหรับจีน หากมีการลดภาษีจริงๆ การส่งออกของจีนจะเติบโตขึ้นแบบสวนทางกับทุกคนในโลกเลย และส่งผลดีต่อหุ้นในเอเชียซึ่งในขณะเดียวกันก็จะสร้างผลลบให้กับตลาดหุ้นสหรัฐในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ต้องแข่งขันกับผลืตภัณฑ์นำเข้า แม้ว่าข่าวนี้อาจจะทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐตอบสนองมองแง่ดีขึ่นในระยะสั้น
การขาดดุลให้จีนจะเพิ่มเป็นนัยยะอย่างแน่นอน ยิ่งในสภาพดอลลาร์แข็งขนาดนี้ ยิ่งขาดดุลเข้าไปใหญ่
ทางการจีนก็อาจไม่จำเป็นจะต้องเร่งขายพันธบัตรสหรัฐ เพื่อมาแปรธาตุในการดูแลดอกเบี้ย เงินเฟ้อและค่าเงินหยวน หรืออาจจะขายแต่ว่าไปถือครองในทรัพย์สินตัวอื่นแทนที่จะเป็นพันธบัตรสหรัฐก็ยังคงเป็นไปได้อยู่ดี
เรื่องนี้ต้องค่อยๆดูกัน ยาวๆ ว่า จะมีการตอบโต้ทางกำลัง นอกเหนือจากทางเศรษฐกิจหรือเปล่า เพราะเห็นแพลมๆตอนเยือนญี่ปุ่นกับเกาหลีว่าสหรัฐจะช่วยไต้หวันเต็มทีหากจีนรุกราน และอีกเดี๋ยวทางจีนก็ต้องโต้ตอบว่ามันเป็นกิจการภายในไม่อนุญาตให้สหรัฐมาแทรกแซง เรื่องพวกนี้มันเป็นบทที่ซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายปีแล้ว ยิ่งสมัยของโจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์แค่ให้มันถี่หน่อยเพื่อขอสปอต์ไลท์ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ บลัฟกันไปมา
เพราะจริงๆก็เคยพูดมาแล้วตอนที่จีนหักดิบและสัญญาว่าอิสภาพของฮ่องกง ว่าสหรัฐจะทำทุกอย่างให้ฮ่องกงกลับมามีอิสรภาพและประชาธิปไตย ..
แต่ก็อย่างที่เห็น... ว่าสุดท้ายสหรัฐต้องปล่อยฮ่องกงให้จีนไป โดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากแซงชั่นผู้บริหารฮ่องกงชุดที่แล้วไม่กี่คน ในกรณีของไต้หวัน อาจจะไม่เหมือนหรืออาจจะเหมือนกับฮ่องกงก็ได้ใครจะไปรู้
แต่การจะช่วยอะไรใคร มันมีขอบเขตของมันอยู่ ไม่ว่าทางการเมืองจะพูดจะบลัฟอะไรกันก็ตาม แต่ความเป็นจริงการจะช่วยหรือดูแลใคร สถานะตนเองต้องพร้อมทุกๆทาง ทั้งทาการทหาร เศรษฐกิจ และปัจจัยสี่ เพราะหากไม่พร้อมก็จะลำบากเหมือนที่ยุโรปเจอในทุกวันนี้ แต่หากให้สถานการณ์ ทางเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆทางการคลังสหรัฐจะไม่เหลือเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้ตัวเองอีกต่อไป
Washington Post columnist warns Biden is about to make a blunder with China
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
