23 พ.ค. 2022 เวลา 03:46 • การเมือง
3 คุณสมบัติที่ทำให้คนกรุงเลือก "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" เป็นผู้ว่า กทม. อย่างถล่มทลาย
1. "ความถ่อมตัว"
ชัชชาติมีชีวิตที่สมถะ เขาเข้านอนสามทุ่มและตื่นตีสี่ ใช้เวลาอ่านหนังสือก่อนนอนและออกกำลังกายตอนเช้ามืด ระยะนี้ทำ IF เพื่อลดน้ำหนักและควบคุมดูแลสุขภาพ จึงไม่ทานข้าวเย็น เขาดูแลลูกชาย "แสนดี" ที่หูหนวกมาตั้งแต่กำเนิดอย่างดีมาก
ชัชชาติชอบพูดตรงไปตรงมา ไม่รู้ก็คือไม่รู้ เขาระวังที่จะไม่พูดเกินจริง และรอบคอบที่จะไม่ทำให้คนฟังตีความคำพูดไปนอกบริบท แม้ว่าความเข้าใจผิดนั้นอาจจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาก็ตาม
ชัชชาติถ่อมตัวไม่โอ้อวดแม้แต่ในเรื่องที่ตัวเองเก่ง น้อยคนจะรู้ว่าที่จริงเขาโต้วาทีเก่งมาตั้งแต่วัยเด็ก สมัยเรียนมัธยมต้นเขาเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนไปโต้วาทีกับต่างโรงเรียน เขาชนะไปด้วยชั้นเชิง ลีลา และข้อมูลที่เตรียมศึกษาล่วงหน้ามาอย่างดี
2. "ความจริงจัง"
ตั้งแต่ก่อนการประกาศเลือกตั้ง ชัชชาติแสดงความตั้งใจมาแต่ต้นว่าจะทำงานเพื่อชาวกรุงเทพฯ พร้อมกับลงทำงานในชุมชนอย่างจริงจังมานานกว่าสองปี มีการสื่อสารออกมาอย่างต่อเนื่องเรื่องการให้ความสำคัญกับเส้นเลือดฝอย การต่อสู้กับคอร์รัปชั่นด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และเรื่องความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสในการทำมาหากิน โอกาสเข้าถึงสุขภาพ
เรารู้ว่าคอร์รัปชั่นและความไม่เท่าเทียมเป็นปัญหาที่ฝังรากอยู่กับสังคมไทยมานาน สิ่งที่ชัชชาติหยิบยกขึ้นมาจึงเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความจริงจังในการแก้ และอาจต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าทำให้เห็นว่าแก้ไขได้บ้าง คนไทยทั้งประเทศที่จับตาดูอยู่จะสนับสนุน
ความจริงจังของชัชชาติยังสะท้อนออกมาในบุคลิกภาพที่หนักแน่น ไม่พูดเล่น แม้ว่าตัวจริงของชัชชาติจะเป็นคนที่รักสนุกและมีอารมณ์ขัน แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขาจะเป็นคนที่มีความมุทะลุ บ้าบิ่น และจริงจังชนิดที่เรียกว่ากัดไม่ปล่อย
3. "วิสัยทัศน์"
เมื่อวานนี้ชัชชาติได้สร้างมิติใหม่ทางการเมืองขึ้นมาแล้ว ด้วยวาทกรรม "วันที่รับคำสั่งจากประชาชน" เขารู้ว่าคนไทยเหนื่อยและบอบช้ำมามากกับความขัดแย้งในสังคม ที่ผ่านมาแม้ว่าทุกคนจะอยากอยากเห็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากวังวนของความขัดแย้งออกไปได้
ชัชชาติจึงแสดงวิสัยทัศน์ออกมาชัดเจนว่า ไม่เก็บเอาเรื่องเก่ามาผูกใจเจ็บ แต่ให้หยุดทะเลาะกัน คิดถึงอนาคตแล้วจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน เขาทำงานได้กับทุกคนและไม่ทำร้ายใคร นี่น่าจะเป็นคุณสมบัติข้อสำคัญของคนที่สังคมไทยอยากจะเลือกขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็นวิสัยทัศน์และการวางตัวที่พอดิบพอดี เข้ากับสถานการณ์ และจึงเป็นที่ยอมรับของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย ทำให้หลาย ๆ คนสมัครใจเข้ามาร่วมทำงานโดยไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทน
จากวันนี้ไป ชัชชาติคงจะไม่ได้เป็นแค่หัวขบวนรถจักรที่ขับเคลื่อนดึงโบกี้อื่น ๆ ให้เกาะตามมา แต่จะเป็นผู้นำขบวนรถไฟฟ้าที่ทุก ๆ โบกี้มีกำลังขับเคลื่อนในตัวเอง และพร้อมใจวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน ต้องตามดูกันต่อไปว่าในอนาคต 3 คุณสมบัตินี้จะพาผู้ชายที่ชื่อ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ไปถึงไหน
นเรศ ดำรงชัย
23 พฤษภาคม 2565
โฆษณา