24 พ.ค. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
จากพนักงานประจำ สู่ เจ้าของร้านกาแฟ และบริษัทเทคโนโลยีพันล้าน
1
“อยากลาออก แล้วมาเปิดร้านกาแฟ”
ประโยคนี้น่าจะตรงกับความฝันของใครหลายคน
แต่เมื่อออกมาทำจริง เรื่องราวก็มักจะไม่ได้สวยงามอย่างที่วาดฝันไว้
และถึงแม้ว่าร้านจะขายดี จนสามารถขยายสาขาได้
เราก็ยังสามารถประสบปัญหาได้อยู่ดี
เช่นเดียวกับคุณ Keith Tan ที่ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาสร้างธุรกิจของตัวเอง
ซึ่งแม้ธุรกิจของเขาจะดูไปได้สวย
แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต่างออกไปคือ
เขาสามารถต่อยอดปัญหานี้ ให้กลายเป็นบริษัทมูลค่าพันล้านบาทขึ้นมาได้
เส้นทางชีวิตของคุณ Keith Tan น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คุณ Keith Tan คืออดีตผู้จัดการฝ่ายบริหารความมั่งคั่ง ที่อยากสร้างอะไรสักอย่าง ที่เป็นของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจลาออกในปี 2015 และเปิดร้านขายกาแฟในสิงคโปร์
แต่ขณะที่ขยายสาขามาได้ถึงร้านที่ 4 ธุรกิจก็เริ่มสะดุด จากปัญหา “การขาดแรงงาน”
ทั้ง ๆ ที่คุณ Keith Tan มองว่าธุรกิจนี้ยังเติบโตไปได้อีกมาก
นี่เอง จึงเป็นจุดเริ่มต้น ให้เขาพยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้
และคำตอบที่ได้ ก็คือ “เทคโนโลยี”
ในปี 2018 คุณ Keith Tan จึงได้ก่อตั้งสตาร์ตอัปชื่อ Crown Digital เพื่อสร้างเทคโนโลยีอัจฉริยะ สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ
และเทคโนโลยีแรกที่ Crown Digital สร้างก็คือ “Ella” หุ่นยนต์บาริสตาตัวแรกของสิงคโปร์
ที่สามารถทำกาแฟได้หลากหลายเมนู จนแทบไม่ต่างจากบาริสตาที่เป็นมนุษย์
โดย Ella เป็นหุ่นยนต์แขนกล ที่ติดตั้งอยู่ภายในตู้โปร่งใส เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการชงกาแฟ โดยใช้พื้นที่ในการติดตั้งตู้ ประมาณ 5 ตารางเมตร หรือขนาดใหญ่กว่าโต๊ะปิงปองเล็กน้อย และอาศัยการสั่งเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงชำระเงินผ่าน e-wallet
ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน Crown Digital สามารถทำข้อตกลงกับบริษัทรถไฟของญี่ปุ่นอย่าง East Japan Railway ซึ่งมีเครือข่ายสถานีรถไฟกว่า 1,657 แห่งในญี่ปุ่น ในการนำ Ella ไปติดตั้งที่บางสถานีรถไฟในโตเกียว
1
รวมถึง มีแผนที่จะติดตั้ง Ella ตามสถานีรถไฟในสิงคโปร์ อีก 30 แห่ง ซึ่งดูแลโดยบริษัท SMRT
โดยบริษัทขนส่งทั้งสองแห่งนี้ ยังลงทุนใน Crown Digital เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท
ทำให้ในปัจจุบัน บริษัทถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 1,200 ล้านบาท
ถึงแม้ Ella จะเป็นหุ่นยนต์บาริสตาตัวแรกของสิงคโปร์ แต่ก็ไม่ใช่ตัวแรกของโลก
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เจ้าหุ่นยนต์นี้ ยังน่าสนใจ ในสายตาของนักลงทุน ?
หากเราลองสังเกตดูดี ๆ จะพบว่า ยุคนี้คือยุคของการนำหุ่นยนต์มาใช้งาน เพื่อแก้ปัญหาทั้งเรื่องต้นทุน ลดเวลาในการทำงาน รวมถึงลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์
อย่างในปัจจุบัน เราก็จะพบเห็นได้ทั้งหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร, หุ่นยนต์ในโรงงาน หรือหุ่นยนต์ส่งของ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน Ella ยังมีความคล้ายกับ “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ”
ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ทั้งประหยัดพื้นที่มากกว่า และมีค่าบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการเปิดร้าน ที่ใช้คนในการทำงาน
นอกจากนั้น Ella ยังสามารถชงกาแฟได้ 200 แก้วต่อชั่วโมง
และเสิร์ฟกาแฟได้หลายรูปแบบ ไม่ต่างจากบาริสตาจริง ๆ เลย
ที่สำคัญคือ ราคากาแฟต่อแก้วจาก Ella จะตกอยู่ที่ประมาณ 70 บาท
ในขณะที่ร้านอื่น ๆ ของสิงคโปร์ จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 บาทต่อแก้ว
ซึ่งความน่าสนใจของ Ella ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
เพราะปัจจุบัน อีกหนึ่งเทรนด์พฤติกรรมที่กำลังเติบโต ก็คือ Grab and Go
โดยมีที่มาจากสถานการณ์โรคระบาด ที่ทำให้หลายคนทานข้าวในร้านอาหารนอกบ้านน้อยลง
รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกสบาย จนคนยุคนี้รู้สึกไม่อยาก “รอ” อีกต่อไป
ซึ่ง Ella ก็ตอบโจทย์ในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะลูกค้าสามารถสั่งเครื่องดื่มผ่านช่องทางออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือได้
และเมื่อมาถึง Ella ก็สามารถรับสินค้าได้เลยทันที ด้วยการสแกน QR Code เพื่อเปิดช่องรับสินค้า ป้องกันการหยิบเครื่องดื่มผิด
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจนึกถึงตู้เต่าบินของบ้านเรา ที่ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าไม่แพ้กัน เพราะให้ทั้งความสะดวก ให้บริการ 24 ชั่วโมง แถมราคาก็ค่อนข้างถูกกว่าราคาเฉลี่ยของร้านกาแฟทั่วไป ที่ตั้งอยู่ในเมือง
ดังนั้น Ella และตู้เต่าบิน จึงเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า Grab and Go ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง
ซึ่งนอกจากการชงกาแฟแล้ว ตอนนี้ทาง Crown Digital ก็กำลังเพิ่มฟีเชอร์ “Bytes Station” ให้กับ Ella
โดยลูกค้าจะสามารถสั่งเมนูอาหารสุขภาพได้ เช่น แซนด์วิชเซียบัตตา, เบเกอรี, โปรตีนบาร์ ไปจนถึงสมูททีที่ผสมโปรตีน
1
เห็นอย่างนี้ ก็คงมีคนเริ่มกังวลแล้วว่า ในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์หรือไม่ ?
สำหรับเรื่องนี้ The World Economic Forum ได้ประมาณการว่าภายในปี 2025
หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์กว่า 85 ล้านตำแหน่ง
แต่ในขณะเดียวกัน หุ่นยนต์ก็จะช่วยสร้างงานให้มนุษย์อีก 97 ล้านตำแหน่งเช่นกัน
อย่างกรณีของ Ella ก็ยังต้องมีผู้คุม ที่คอยดูแลเครื่องจักรผ่านวิดีโอออนไลน์
และยังต้องอาศัยคน ในการเติมวัตถุดิบต่าง ๆ ภายในเครื่อง
สุดท้าย ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์จะช่วยตอบโจทย์ให้ได้มากกว่า ในเรื่องของการทำงานแบบไม่ต้องพัก
แต่สำหรับมนุษย์บางคน ก็ยังคงโหยหาการได้พูดคุยกับใครสักคน
แม้จะเป็นแค่การได้พูดคุยระหว่างการรับกาแฟก็ยังดี..
1
โฆษณา