23 พ.ค. 2022 เวลา 07:35 • การเมือง
รู้จัก “ชัชชาติ” จาก ห้องคิงส์เตรียมอุดมฯ นักเรียนทุนฯเล่าเรียนหลวง สู่ “ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร”
2
ภาพหาเสียงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ :ภาพจาก https://www.chadchart.com/
นาทีนี้ชื่อของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ได้ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ด้วยการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ได้คะแนนโหวตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึง 1,386,215 คะแนน มากกว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เคยได้คะแนน 1,256,349 คะแนนในการเลือกตั้งปี 2556
ชัชชาติเข้าสู่เวทีการเมือง และเป็นที่รู้จักในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมีส่วนสำคัญในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รวมถึงรถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ ,กทม.-หนองคาย เชื่อมกับรถไฟไทยจีนก่อนที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก พ.ร.บ.ไป
1
ชัชชาติ สมัยเป็น รมช.คมนาคมในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์1"
ชัชชาติยังอยู่ในเหตุการณ์การเมืองสำคัญอีกครั้งในช่วงการรัฐประหารในปี 2557 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ถูกควบคุมตัวโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ในต้นปี 2562 ที่มีการเลือกตั้งใหญ่ ชื่อของชัชชาติ ขณะนั้นได้ถูกเสนอให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ก่อนที่ในปีเดียวนี่ ชัชชาติ จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานครในนามอิสระ โดยที่ยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะกำหนดให้มีขึ้นเมื่อไหร่
ย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเรียน ชัชชาติ คือนักเรียนในระดับท็อปของประเทศ เป็นคนเรียนดี เรียนเก่งมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงมัธยมเขาเรียนที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (ห้องเดียว กับ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ที่ปัจจุบันเป็นประธาน TDRI ที่สอบได้อันดับ 1 ของห้องมาโดยตลอด)
ชัชชาติ และ ฉันชาย พี่ชายฝาแฝด ตอนเรียนที่ เตรียมอุดมศึกษา ภาพจาก ทวิตเตอร์ @DjFiat
ตอนเข้ามหาวิทยาลัยตกลงกับพี่ชายที่เป็นฝาแฝด ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ว่าตนเลือกเรียนวิศวะ ส่วนพี่ชายจะเรียนหมอ เพราะว่าที่บ้านไม่ให้เรียนเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกว่าอยากเรียนหมออยู่บ้างแต่เมื่อพี่ชายอยากเรียนชัชชาติจึงยอมเลือกเรียนวิศวะซึ่งกลายเป็นข้อดีของการมาทำงานผู้ว่าฯ กทม.ในปัจจุบัน
ชัชชาติจึงเข้าเรียนวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง และได้รับทุนเล่าเรียนหลวง จากมูลนิธิอานันทมหิดล ประจำปี 2530 ไปศึกษาระดับปริญญาโท และเอก โดยจบปริญญาโทจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์สหรัฐอเมริกา
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เข้ารับพระราชทานโอวาทจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ในโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยชัชชาติได้รับทุนเล่าเรียนหลวงปี 2530 ภาพจากทวิตเตอร์ @Cookie97020934
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากสหรัฐฯ ชัชชาติ กลับมาเมืองไทยใช้ความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมโยธา ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทเอกชน ก่อนจะเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้รับตำแหน่งนักวิชาการเป็นรองศาสตราจารย์ (รศ.) รวมทั้งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่ง
ในช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ 2 ต่อเนื่องมาถึงยุครัฐบาลสมัคร ชัชชาติร่วมเป็นที่ปรึกษากระทรวงคมนาคม โดยยังไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์สายตรงจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเดือน ม.ค.ปี 2555 ให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1
และในการปรับ ครม.ครั้งต่อมาก็เลื่อนขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นรัฐมนตรีที่มีคนรู้จักมากที่สุดจากภาพการใส่กางเกงขาสั้น ชุดสีดำ ถือถุงแกง เดินออกมาใส่บาตรที่หน้าวัด และการเป็นรัฐมนตรีคมนาคมที่ชอบขึ้นรถเมล์ไปตรวจราชการเป็นชีวิตจิตใจ จนข้าราชการระดับสูงของกระทรวงคมนาคมต้องหันมานั่งรถเมล์ตามรัฐมนตรีกันหลายครั้ง
ชัชชาติ กับภาพถือถุงแกงอันโด่งดัง ทำให้ได้ฉายา รมว.ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางทางการเมืองของชัชชาติ บรรจบกับเส้นทางทางการศึกษาตั้งแต่เขาเลือกเรียนวิศวะ จนได้ทุนเล่าเรียนหลวง พกดีกรี ด็อกเตอร์วิศวะกลับมาจากต่างประเทศ ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์ในฐานะอาจารย์อยู่หลายปี
ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตการเมืองทั้งการเป็นรัฐมนตรี แคนดิเดตนายกฯ และการเป็นว่าที่ผู้ว่าราชการของกรุงเทพมหานครคนที่ 17 ที่มีภารกิจนำพา “ศรัทธา” และ “ความหวัง” ของคนกรุงเทพฯหลายล้านคนไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ในเมืองที่น่าอยู่ขึ้น อย่างที่เขาเคยหาเสียงไว้
โฆษณา