27 พ.ค. 2022 เวลา 09:03 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Top Gun: Maverick (2022) - การกลับมาอันน่าประทับใจของ "Maverick"
อัดแน่นไปด้วยความบ้าระห่ำ พร้อมบรรยากาศสุดตื่นตาตื่นใจฉบับ Tom Cruise
สวัสดีครับทุกท่าน ! เนื่องจากช่วงนี้ Top Gun: Maverick (2022) ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ พร้อมกับได้เสียงรับเสียงชื่นชมมากมาย ใน
Festival de Cannes 2022 ก็มีการยืน Standing Ovation (ตบมือแสดงความชื่นชม) ยาวนานถึง 5 นาที...
ดังนั้น วันนี้ผมจึงอยากจะมารีวิวความประทับใจ เผื่อว่าท่านใดสนใจในตัวหนังนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
Top Gun: Maverick (2022) เป็นหนังภาคต่อของ Top Gun (1986) ในเวอร์ชั่นนี้ได้รับการกำกับโดย Joseph Kosinski และมี Jerry Bruckheimer มาเป็น Producer
เนื้อเรื่องพูดถึง ชีวิตของ พีท “มาเวอริค” มิทเชลล์ (Tom Cruise) นักบินระดับท็อปที่ทำงานในกองทัพเรือมานานกว่า 30 ปี ได้รับโอกาสกลับมาที่ Top Gun (โรงเรียนฝึกนักบินความสามารถสูง) อีกครั้งในฐานะผู้ฝึกนักบิน เพื่อทำปฏิบัติภารกิจพิเศษสุดเสี่ยง
ในการกลับมาครั้งนี้ เขายังได้หนึ่งในลูกศิษย์ใหม่ เรือโท แบรดลีย์ "รูสเตอร์" แบรดชอว์ (Miles Teller) ลูกชายของ เรือโท นิค แบรดชอว์ หรือ “กูส” เพื่อนของพีทที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตัวแบรดลีย์เอง ก็ยังคลางแคลงใจในการเสียชีวิตของพ่อ...
[ ความรู้สึกหลังชม ]
จุดแรกที่น่าพูดถึง คือ "ความเท่สไตล์อเมริกัน ยุค 80 ในปี 2022"
Top Gun: Maverick มีโครงเรื่องที่แทบจะเป็นเส้นตรง และไม่มีความซับซ้อนใด ๆ หนังเปี่ยมด้วยกลิ่นอาย / สไตล์ของภาพยนตร์ยุค 80-90 พร้อมทั้งขายความเท่ (คูล) อย่างเรื่องราวมิตรภาพ ความโรแมนติค กัปตันหัวกบฏ (ที่แหกกฏทุกข้อ 😂) มอเตอร์ไซต์คันโต แว่นเรย์แบรนด์ และภารกิจเสี่ยงตายเพื่อชาติ
ดูเป็นอะไรที่เชยเมื่อเทียบกับเทรนด์ภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน ทว่าการหวนกลับไปสู่ความเท่ในอดีต และขุดขึ้นมาประกอบกันด้วยความพิถีพิถัน ทำให้หนังมีเสน่ห์ โดดเด่นแปลกตาอย่างมาก (เป็นความบันเทิงในฉบับ Jerry Bruckheimer จริง ๆ)
จุดที่สองที่ประทับใจ คือ "การเล่าเรื่องที่เรียบง่าย ด้วยความประณีต"
ด้วยความที่มีพล็อตง่าย ๆ หนังก็เล่าเรื่องด้วยความเรียบง่ายเช่นกัน สังเกตว่า ในหนังไม่ค่อยมี Dialog คุยกันมากสักเท่าไหร่ กลับกัน หนังมักจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยภาพ แววตา เพลง-ดนตรีประกอบ และงานตัดต่อ (ฟีลลิ่งคล้ายกับ Mad Max: Fury Road)
ดังนั้นต้องขอชมเชย ทุกอย่างในหนังร้อยเรียงกันอย่างลงตัว แม้พล็อตหนังจะง่ายมากแค่ไหน แต่บรรยากาศของหนัง พาให้เราอยากติดตามอยู่เสมอ
จุดที่สามที่น่าประทับใจ คือ "ความคราฟต์ของหนังอย่างการถ่ายทำจริงบนเครื่องบินรบ"
นี่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ Top Gun: Maverick ต่างไปจากหนังเรื่องอื่น ตัวหนังพยายามนำเสนอภาพจริงเท่าที่จะทำได้ สิ่งนี้เองคือ สิ่งที่ให้ประสบการณ์กับผู้ชมอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอ
ความรู้สึกของการนั่งอยู่ใน Cockpit / ความเหวี่ยงของการบินผาดโผน / แรงโน้มถ่วงที่นักบินต้องปะทะ / เสียงกระหึ่มของเครื่องบินรบ
ความระห่ำของ พีท ปะทะแรงจี ขณะขับเครื่องบินรบ
Top Gun ในเวอร์ชั่นนี้ จึงมีงานเทคนิคและ Cinematic Experience ที่น่าตื่นตาตื่นใจ... ที่สำคัญ ควรชมมันในโรงภาพยนตร์เท่านั้น !
อีกส่วนที่ไม่พูดไม่ได้ คือ "การขายความเป็น Tom Cruise"
ต้องยอมรับว่า ความเป็น Tom Cruise ในเรื่อง ยังคงทำงานได้ดีกับผู้ชม...
จะว่าไป ก็เหมือนเป็นหนังที่ออกแบบมา เพื่อแสดงความเฉิดฉายของพี่แกโดยเฉพาะ อย่างมาดที่พี่ทอมแกสวมเสื้อ Jacket น้ำตาล แว่นเรย์แบรนด์ พร้อมมอเตอร์ไซต์คู่ใจ รวมถึงการแสดงฉากผาดโผน ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า จะมีใครที่สามารถเท่ได้มากกว่าพี่แกได้บ้าง 😅
ในภาพรวม หนังมีครบทุกรสชาติอย่างที่ผู้ชมต้องการ ไม่ว่าจะมิตรภาพในเรื่อง ความโรแมนติค มุกตลก ความลุ้นระทึก
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงจุดที่พอเป็นข้อเสีย ก็คงเป็นพล็อตที่ตายตัว / สูตรสำเร็จ บางส่วนดูไม่สมเหตุสมผล รวมถึงความเวอร์ที่เรียกว่า มีแต่ในจักรวาลของพี่ทอมที่ทำได้ 🤣
แต่อย่างว่า ตัวหนังมันมาเป็นแนวนี้ บางทีก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไป และถึงแม้จะมีข้อเสียเหล่านี้ แต่ตัวหนังจริง ก็ยังสร้างความประทับใจได้มากมาย
เพลงและดนตรีประกอบเป็นอีกส่วนที่ทำให้หนังสมบูรณ์ เพลงธีมเข้ากับหนังอย่างกลมกล่อม รวมถึงหลาย ๆ เพลงที่ใส่มาในเรื่อง ก็ให้บรรยากาศความคลาสสิคในยุค 80-90 เป็นอย่างดี
Top Gun Anthem - ธีมเพลงหลักของ Top Gun
Danger Zone - เปิดมาต้นเรื่องให้บรรยากาศยุค 80-90 สุด ๆ ไปเลย !
Hold My Hand ของ Lady Gaga - เพลงสุดไพเราะในช่วง End Credit
สิ่งสุดท้ายที่น่าสนใจ คือ "การ Propaganda ของกองทัพสหรัฐ ฯ ผ่าน Soft Power อย่างภาพยนตร์"
เราได้เสพภาพยนตร์ตามที่เราต้องการ ทว่าเราก็เสพ Brand Image ของกองทัพสหรัฐ ฯ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะภาพลักษณ์ความมืออาชีพ อาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัย (ในเรื่องใช้ F/A18) รวมถึงบทบาทในการพิทักษ์โลกของสหรัฐ ฯ...
ทั้งหมดทั้งมวล ก็ช่วยให้เสริมภาพลักษณ์ความเป็นมหาอำนาจทางการทหารของสหรัฐ ฯ ให้ดูดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
จะว่าไปแล้ว ก็คงมีไม่กี่ประเทศที่ทำได้อย่างนี้ และสหรัฐ ฯ ก็น่าจะเป็นเพียงประเทศเดียวที่แสดงออกภาพลักษณ์นี้ออกมาได้อย่างโดดเด่นผ่านโลกภาพยนตร์
[ สรุป ]
Top Gun: Maverick (2022) เป็นหนังที่นับว่าน่าสนใจในปีนี้จริง ๆ แม้พล็อตเรื่องจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่การสร้างบรรยากาศ อารมณ์ความรู้สึก หนังทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
ในแง่เทคนิคการถ่ายทำ ก็ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะการถ่ายทำจริงบนเครื่องบินรบแบบนี้ ก็คงไม่มีมาให้เห็นกันง่าย ๆ
โดยรวม Top Gun (2022) จึงเป็นหนังที่เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย เต็มไปด้วยอิ่มเอม พร้อมมอบประสบการณ์ทางภาพยนตร์ให้กับผู้ชมอย่างคุ้มค่า
ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็แนะนำนะครับ เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมว่าจะทำให้ทุกคนประทับใจ !
[ เพิ่มเติม ]
รวมบทความน่าสนใจเกี่ยวกับ Top Gun: Maverick รวมถึงบทความวิเคราะห์ในเชิงการทหาร
เกร็ดความรู้ทางทหารในโลกแห่งความเป็นจริงจาก Top Gun: Maverick
ThaiArmedForce.com
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา