27 พ.ค. 2022 เวลา 10:35 • ประวัติศาสตร์
โรคฝีดาษ มีส่วนทำให้อาณาจักรแอซเทคที่ยิ่งใหญ่ล่มสลายลงได้อย่างไร ?
5
พอดีมีข่าวเกี่ยวกับฝีดาษลิงระบาด หลายคนเลยอาจจะสนใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษคนขึ้นมา ผมเลยขอตัดเนื้อหาที่เคยเล่าใน podcast และคลิปวีดีโอ มาเขียนเป็นบทความสั้นๆ ให้อ่าน (ทบทวน) ครับ
1
โดยเนื้อหาจะโฟกัสไปที่ เหตุการณ์หลังจากที่ เฮอร์นัน คอร์เตส โดนขับไล่ออกไปจากเมือง Tenochtitlan ของชาวแอซเทคแล้ว จากนั้นก็เกิดโรคระบาดขึ้น และผลกระทบทางจิตใจของชาวแอซเทคต่อโรคระบาด
ใครสนใจดูหรือฟัง เวอร์ชั่นเต็ม สามารถดูได้จากลิงก์ข้างล่างครับ
🎧 Podcast การล่มสลายของ Aztec
🔗 ตอนที่ 1 : https://bit.ly/3ynUfAc
🔗 ตอนที่ 2 : https://bit.ly/38ntIsc
🔗 ตอนที่ 3 : https://bit.ly/3BmmNMH
🔗 ตอนที่ 4 : https://bit.ly/3zjbUKO
💻 Youtube การล่มสลายของ Aztec
🔗 ตอนที่ 1 : https://youtu.be/QZBSNZ-61Gs
🔗 ตอนที่ 2 : https://youtu.be/M4_oi-TBLzo
🔗 ตอนที่ 3 : https://youtu.be/j6SJtxif-Rk
🔗 ตอนที่ 4 : https://youtu.be/Ejf6c4zEsX8
………………………………………………………………..
 

ทุกวันนี้พูดถึง โรคฝีดาษหรือ small pox เชื่อว่าคนส่วนใหญ่อาจจะเคยได้ยินชื่อแต่นึกภาพไม่ออกว่าเป็นยังไง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะโรคนี้ถือได้ว่า ถูกการแพทย์แผนปัจจุบันกำจัดหมดโลกด้วยวัคซีนไปนานแล้ว
แต่โรคที่ถูกกำจัดไปแล้วนี้ถือได้ว่าเป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดโรคหนึ่ง (หรือน่ากลัวที่สุด) เท่าที่มนุษย์เคยรู้จักมา เพราะ ติดง่าย โอกาสตายสูง แล้วอาการก็ยังรุนแรง
1
เริ่มต้นจะ เริ่มด้วยไข้สูง อาเจียน ปวดหัว ปวดท้อง ตามมาด้วยผื่นแผลเจ็บ เหมือนสิวที่กลายเป็นตุ่มน้ำและตุ่มหนอง กระจายไปทั้งตัว ดูน่าเกลียดน่ากลัว
ในคนที่รอดชีวิตมาได้ ก็จะมีแผลรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวตามใบหน้าและลำตัวไปตลอดทั้งชีวิต
2
โรคนี้แต่เดิมระบาดในทวีปยุโรปและเอเชียมาช้านาน ทำให้คนยุโรปและเอเชีย มีภูมิต่อเชื้อไวรัสนี้ แต่สำหรับชนพื้นเมืองทวีปอเมริกาที่ชาวสเปนเดินทางมารุกรานแล้ว ในปีค.ศ. 1521 แล้ว
ภูมิคุ้มกันของพวกเขาไม่เคยเจอไวรัสตัวนี้มาก่อนเลย
.
.
หนึ่งในทหารที่เดินทางมากับ นาร์วาเรซ และต่อมาติดตามคอร์เตสเข้าเมือง เทนอคทิทลาน (Tenochtitlan) กำลังป่วยด้วยโรคฝีดาษอยู่ และอาจจะเพราะเขามีอาการไม่มากนัก ในช่วงเวลาสามสัปดาห์ที่เขาอยู่ในเมือง Tenochtitlan เขาคงจะนำโรคนี้ไประบาดให้กับชาวแอซเทค มากมาย
1
ในเวลาต่อมาหลังจากที่ชาวสเปน โดนขับไล่ออกจากเมืองไปแล้ว โรคนี้ก็เริ่มระบาดไปทั่ว
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าชาวเมือง Tenochtitlan เสียชีวิตจากโรคนี้มากน้อยแค่ไหน
แต่มีการประมาณกันคร่าวๆ ว่า ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ประมาณ 50% ของชาวเมืองเสียชีวิตด้วยโรคร้ายนี้
2
แต่ตัวเลข 50% นี้เป็นแค่ตัวเลขของคนที่อาศัยในเมืองเท่านั้น เพราะในเวลาต่อมา โรคฝีดาษจะระบาดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายประมาณ 90% ของชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาจะเสียชีวิตด้วยโรคนี้ (ประมาณ 20 ล้านคน)
2
และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมในเวลาต่อมา ชาวยุโรปต้องไปขนแรงงานทาสผิวดำมาจากแอฟริกา
2
.
.
ผมอยากจะลองชวนคิดในมุมมองของชาวแอซเทคกันดูนะครับว่า ถ้าเราเป็นพวกเขา สภาพจิตใจเราจะเป็นยังไงกันบ้าง
คือ หลังจากที่เราต่อสู้กับคนขาว ที่เราสงสัยว่า อาจจะเป็นเทพเจ้าผิวขาว ได้ไม่นาน จู่ๆก็มีความตายในแบบที่ไม่เคยพบเคยเห็นเกิดขึ้น
ความตายนี้ทั้งน่าเกลียด น่ากลัว ทำให้เจ็บปวดทรมาน และฆ่าคนไม่เลือก
คนป่วยในเมืองมีมากจนไม่มีคนทำงานได้ ไม่มีคนเพาะปลูก ไม่มีคนเก็บเกี่ยว ไม่มีคนผลิตอาหาร ไม่มีคนที่จะดูแลคนป่วย
และทุกครั้งเมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้นในโลกโบราณ ผู้คนจะอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่เป็นการลงโทษจากเทพเจ้าหรือเปล่า พวกเขาไปทำอะไรให้เทพเจ้าไม่พอใจหรือเปล่า
4
หลังจากโรคระบาดจนเป็นไปได้ว่าทุกคนในเมืองเคยติดโรคไปแล้ว (ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น) คนผิวขาวที่พวกเขาเคยขับไล่ไปแล้วรอบนึง ก็เดินทางกลับมาอีกครั้ง
1
แล้วคนขาวผิวขาวที่พวกเขาขับไล่ไปก็ย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
การกลับมาครั้งนี้ของคอร์เตสเขาใช้กลยุทธ์ที่ต่างไปจากรอบแรก และเป็นเทคนิคการรบที่ชาวแอซเทคไม่เคยชิน นั่นคือ การปิดล้อมเมือง
.
.
สำหรับชาวพื้นเมืองอเมริกัน การทำสงครามที่พวกเขาคุ้นเคย มันคือ การที่นักรบคนหนุ่มออกไปต่อสู้กันอย่างห้าวหาญ ดังนั้น สงครามที่พวกเขาคุ้นเคย เด็ก ผู้หญิง คนชรา ที่อยู่แนวหลัง จึงไม่ค่อยเกี่ยวกับการต่อสู้โดยตรง
1
แต่เทคนิคการปิดล้อมเมืองเพื่อให้ขาดอาหารและน้ำ ซึ่งนิยมกันในชาวตะวันตก สร้างความลำบากให้กับทุกคนโดยไม่เลือกว่าคนนั้นจะเป็นใคร เป็นสิ่งที่ชาวแอซเทคไม่คุ้นเคย เมื่อต้องเจอการรบแบบนี้ ชาวแอซเทคเลยยิ่งเสียขวัญมากขึ้น
2
คอร์เทซ เริ่มการปิดล้อมจากการค่อยๆ ปิดล้อมเมืองเล็กๆ ที่อยู่รอบเมืองใหญ่ก่อน
เมื่อเมืองเล็กๆที่อยู่รอบๆเริ่มขาดอาหาร ผู้คนก็เริ่มอพยพหนีเข้าไปในเมือง Technotitlan ซึ่งเป็นเมืองหลวงมากขึ้น จนสุดท้ายอาหารและน้ำที่สะสมไว้ในเมือง เริ่มมีไม่พอ ผู้คนเริ่มอ่อนเพลีย จากการขาดอาหารและน้ำ
เมื่อชาวแอซเทคอ่อนกำลังลง คอร์เทซก็ใช้กองกำลังทางเรือยึดทะเลสาบไว้ ทำให้เมือง Technotitlan ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งกลางทะเลสาบ ถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แบบ
ระหว่างนั้นคอร์เทซ ก็ค่อย ๆ ถมสะพานข้ามทะเลสาบจนใหญ่และต่อเนื่องพอที่จะให้ทหารเดินเท้าและม้า สามารถเดินเท้าเข้าเมืองได้
Technotitlan ถูกปิดล้อมอยู่นานประมาณสามเดือน จนชาวเมืองขาดอาหารถึงขีดสุด ต้องกินหญ้าประทังชีวิต
3
ดังนั้นเมื่อกองทัพของสเปนตัดสินใจเดินทางเข้าเมือง
ประชาชนและนักรบชาวแอซเทคก็อ่อนกำลังเกินกว่าจะต่อสู้ได้อีก
1
.
.
ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1521 กษัตริย์ เคาเทม็อก (Cuauhtemoc) ของแอซเทคจึงต้องยอมประกาศแพ้สงครามอย่างเป็นทางการ
เมื่อทหารสเปนเข้ายึดเมืองได้ พวกเขาก็รื้อทำลายสิ่งก่อสร้าง ปิรามิดต่างๆลงมาหมดจนหมดสิ้น แล้วนำหินที่ได้จากการรื้อมาก่อสร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นในพื้นที่เดิม
สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่สวยงามของแอซเทคจึงค่อยๆถูกแทนที่ด้วยสิ่งก่อสร้างของชาวสเปนไปเรื่อยๆ จนแทบจะไม่มีเค้าโครงของเมืองเก่าให้เห็นอีกเลย
3
สำหรับชาวแอซเทค ที่รอดชีวิต ก็ต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะของการเป็นทาสให้กับผู้ปกครองใหม่
1
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสิ่งที่เล็กจนตามองไม่เห็นอย่าง .... ไวรัส
………………………………………………………………..
ถ้าชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการแพทย์ สามารถเข้าไปเลือกดูหนังสือของหมอเอ้วได้ที่ Chatchapol Book ใน shopee และ Line Myshop ได้เลยค่ะ
2
👉 Line Myshop : https://bit.ly/2UX8w5F
………………………………………………………………..
1
ไม่อยากพลาดการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์หรือบทความใหม่ๆ
Add Line เพื่อรับการแจ้งเตือนต่างๆได้ที่นี่
🔔 Line: @chatchapolbook
โฆษณา