27 พ.ค. 2022 เวลา 04:49 • ไลฟ์สไตล์
โดนปล้นบนเขานางหงส์
อันเนื่องมาจาก เราเป็นมีคุณแม่เป็นคนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงแม้ว่าคุณแม่จะย้ายถิ่นมาเป็นคนกรุงเทพนานมากแล้ว แต่ในช่วงที่เรายังเรียนอยู่ พวกเราจะได้กลับไปพักผ่อนที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในทุกๆ ครั้งที่เป็นช่วงของการปิดเทอมใหญ่ อันเป็นช่วงเวลาที่เรารอคอย เพราะจะมีบรรดาลูกพี่ลูกน้อง (ลูกๆของคุณป้า คุณน้า) พากันมาพักผ่อนพร้อมๆ กัน เป็นที่สนุกสนานเฮฮามาก
มีอยู่ปีหนึ่ง (นานมากแล้ว ประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา) ครอบครัวของเราไปพักผ่อนกันที่นครฯ เหมือนที่เคยปฏิบัติ ปีนั้นพี่สาวเรา (ลูกคุณป้า) เพิ่งแต่งงานแยกไปอยู่ที่จังหวัดพังงา พอดีกับตัวเรายังไม่เคยได้ไปเที่ยวที่จังหวัดพังงาเลย จึงได้ชวนคุณแม่ คุณป้า น้องสาว (ลูกพี่ลูกน้อง) ไปเยี่ยมพี่สาวพร้อมๆ กับต้องการชวนพี่สาวกลับบ้านที่นครฯ เพื่อจะได้มารวมกลุ่มเฮฮากันอีกเหมือนที่เคยเป็น
เมื่อเราไปถึงบ้านพี่สาวที่จังหวัดพังงา ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พี่สาว พี่เขย พาไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อต่างๆ ได้ทานอาหารอร่อย บรรยากาศดีดี มีความสุขมาก รวมทั้งยังได้เล่นไพ่กระชับมิตรกันแทบทุกคืน เมื่อได้เที่ยวและอยู่รบกวนกันเป็นสัปดาห์แล้ว บรรดาแก๊งค์ที่อยู่ที่นครฯ เรียกร้องว่าให้พากันกลับได้แล้ว จึงได้ตัดสินใจกับพร้อมกับไม่ลืมดึงตัวพี่สาวไปด้วย
พวกเรา (คุณแม่ คุณป้า พี่สาว น้องสาว เรา) 5 คน ออกเดินทางจากบ้านพักของพี่เขยที่จังหวัดพังงา ในตอนเช้าตรู่ เพราะต้องการนั่งรถโดยสารเที่ยวแรก บนรถโดยสารจะมีบรรดาพ่อค้า แม่ค้า เป็นผู้โดยสารส่วนใหญ่ จะมีแต่กลุ่มพวกเรา และอีก 2-3 คนที่ดูไม่ใช่ผู้ที่จะทำมาค้าขาย
คนขับค่อยๆ ขับรถขึ้นเขานางหงส์และแวะรับผู้โดยสารตามรายทางทุกๆ จุดที่มีผู้คนแสดงความประสงค์จะโดยสารรถด้วย ทำให้รถแล่นช้ามาก ไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ
พวกเราได้ที่นั่งใกล้ทางขึ้นลงรถด้านประตูหลัง เมื่อเวลาที่มองเห็นคนโบกรถขอโดยสารไปด้วย ก็จะพากันบ่นพึมพัมตามประสา เมื่อรถแล่นขึ้นเขาได้สักพัก คนขับชะลอเพื่อจอดรับผู้โดยสารเป็นชายฉกรรจ์ 3 คน พากันขึ้นประตูด้านหน้ารถ 2 คน และ ด้านหลัง 1 คน
เมื่อรถแล่นต่อ ไม่นานก็หยุดรถอีกจนเรานึกรำคาญอยู่ในใจ แต่เมื่อมองไปด้านหน้าเพื่อดูว่าใครจะขึ้นมาอีก ก็เห็นว่า ชายฉกรรจ์ 2 คนก่อนหน้านี้ มีคนหนึ่งกำลังใช้ปืนจี้หัวคนขับรถเพื่อบังคับให้หยุดรถอยู่ แถมคนที่ขึ้นด้านหลังก็เลียนแบบโดยใช้ปืนจี้ที่หัวของเราด้วย เลยรู้ตัวว่ากำลังโดนปล้นของจริง
กลุ่มโจรพากันแยกย้าย ค้นหาทรัพย์สินมีค่าจากผู้โดยสารบนรถ ซึ่งได้ไปพอสมควรจากกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า และนักศึกษารามคำแหงที่นั่งด้านหลังเรา ผู้โชคดี (จริงๆ แล้วโชคร้ายมากกว่าเนอะ) กำเงินค่าหน่วยกิตเพื่อไปลงวิชาที่ต้องการเรียนพอดี เมื่อถูกค้นพบและโจรจะยึดเอาไปจึงขัดขืน แต่ก็ต้องให้มันอยู่ดีหลังจากที่โดนตบหน้าด้วยด้ามปืน
กลุ่มของพวกเราไม่ได้เสียเงินสดให้พวกโจรมากนัก เพราะแพ้ไพ่เมื่อคืนก่อนเดินทางพอดี เราเองก็เสียนาฬิกาข้อมือไปเรือนเดียว หลังจากนั้นพวกโจรบังคับให้รถเลี้ยวเข้าป่าข้างทาง เพื่อตรวจค้นทรัพย์สินอีกรอบ
ผู้โดยสารทุกคนถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าล้อมวงกัน ยกเว้นคุณป้าของเราที่ท่านค่อนข้างมีอายุมากแล้ว มีอาการข้อเข่าอักเสบทำให้คุกเข่าไม่ลง และได้เอ่ยขออนุญาตพวกโจรว่าจะไม่คุกเข่า ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากเพราะพวกโจรก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
แต่สำหรับเรา ดันเกิดความเสียดายกระเป๋าเป้แสนเท่ห์ ที่พวกโจรจะยึดเอาไปด้วย ดันวิ่งตามไปเพื่อจะขอคืนโดยไม่นึกกลัวอะไร ทำให้พวกโจรเข้าใจผิดยกปืนส่องมาที่เรากันทุกคน
ดีที่เรารีบบอกก่อนว่าแค่อยากได้เป้คืนเพราะในนั้นมีบัตรประชาชนอยู่เท่านั้น ไม่มีเงินสดหรือของมีค่าอื่นใดอยู่อีกเลย ขอเราคืนเถอะนะ ซึ่งก็ได้คืนนะ จัดว่าเป็นกลุ่มโจรที่ไม่ดุร้ายเท่าไหร่นัก ดูจากที่ไม่ต่อว่าคุณป้าที่ขออนุญาตยืนเพราะเจ็บหัวเข่านั่นแล้ว
1
จากนั้นคนขับรถพาผู้โดยสารทั้งหมดเข้าแจ้งความที่โรงพักทับปุด ที่ในตอนนั้นคงมีการปราบปรามพวกกองโจรอยู่บ่อยครั้ง เพราะสังเกตเห็นรอยกระสุนบนฝาผนังโรงพักทั่วไปหมด แปลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงเก่งไม่น้อย มีการต่อสู้กับโจรอยู่บ่อยๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริงเพราะต่อมาไม่นานก็ได้ข่าวว่า พวกโจรกลุ่มที่ปล้นรถโดยสารในวันนั้นถูกจับตายหมดทั้งแก๊งค์
ประสบการณ์โดนปล้นที่เล่ามานี้ เมื่อมานึกย้อนดู ก็ทำให้เราทั้งขำ (ตอนที่คุณป้าขออนุญาตโจรยืนเพราะเจ็บหัวเข่า) หวาดกลัว (ตอนที่เราวิ่งตามขอเป้คืน) และขอบคุณคุณป้าที่อุตส่าห์เก็บเศษเหรียญรอดพ้นสายตาโจรทำให้บรรดาคณะพรรคได้ซื้อข้าวกินระหว่างทางได้ แม้ว่าวันนี้ เราได้สูญเสียคุณป้าและน้องสาวไปแล้วแต่เราก็ยังอดมีความสุขไม่ได้เมื่อนึกถึง เพราะมันบ่งบอกถึงช่วงเวลาที่เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับครอบครัวของเรา
โฆษณา