หลังจากนี้เป็นต้นไปเราก็คงได้เจอ ทอม ครูซ กันไปอีกยาว ๆ เพราะในปีหน้าเขายังมี Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One หนึ่งในภาพยนตร์ภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ MI ก่อนที่จะตามมาด้วยพาร์ตสองในปี 2024 โดยเป็นการเล่นฉากผาดโผนเองทั้งหมดแบบไม่พึ่งสตันท์แมนของทอม พร้อมตอกย้ำว่าเขายังเป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ยังคงทุ่มเทให้กับผลงานอย่างต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ
ความสามารถของทอมยังเคยส่งผลให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 ครั้ง ได้แก่ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Born on the Fourth of July ในปี 1990, Jerry Maguire ในปี 1997 และสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Magnolia ในปี 2000
นอกจากนี้เขายังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำถึง 7 ครั้ง และคว้ารางวัลไปได้ถึง 3 รางวัล (ทั้ง 3 รางวัลมาจากภาพยนตร์เรื่อง Born on the Fourth of July, Jerry Maguire และ Magnolia เหมือนกับเวทีออสการ์) ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลือกรับงานแอ็กชั่นมากขึ้นด้วย Minority Report ในปี 2002, The Last Samurai ในปี 2003 ไปจนถึงแฟรนไชส์ MI ที่ค่อย ๆ ออกไล่มาในแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง
ครั้งหนึ่งทอมเคยสนใจในศาสนาคริสต์ นิกายคาธอลิก จนเกือบจะไปเอาดีด้านนี้ด้วยการเป็นนักบวช เพราะครั้งหนึ่งเขาได้เข้าไปอยู่ที่โรงเรียนสอนศาสนา St. Francis Seminary เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกขับไล่ออกจากโรงเรียนเพราะถูกจับได้ว่าแอบดื่มเหล้า
ส่วนอีกครั้งคือตอนที่เขาได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา St. Xavier High School ในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ก่อนจะต้องจำใจย้ายบ้านตามแม่ไป ความตั้งใจที่จะเป็นนักบวชของเขาจึงจบลงเพียงแค่นั้น
หลังจากที่ต้องระหกระเหินย้ายบ้านมาตลอด ครอบครัวของทอมก็มาเริ่มลงตัวที่เมืองเกล็นริดจ์ เคาน์ตี้เอสเซ็ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ เนื่องจากแม่ของเขาแต่งงานใหม่ ทอมจึงได้เข้าศึกษาระดับมัธยมปลายในวัย 15 ปีที่โรงเรียน Glen Ridge High School และที่นี่เขาก็ได้พบกับสิ่งที่ชอบอย่างที่สอง นั่นก็คือกีฬา
ทอมเคยมีดีกรีเป็นถึงอดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ผู้เล่นตำแหน่งไลน์แบ็คเกอร์ของทีมประจำโรงเรียน Glen Ridge High School แต่การดื่มเบียร์ก่อนลงสนามแข่งครั้งหนึ่งก็ทำให้เขาโดนลงโทษถึงขนาดโดนไล่ออกจากทีม และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกันกับตอนแอบดื่มเหล้าในโรงเรียนสอนศาสนาจนโดนไล่ออกอย่างน่าประหลาด ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่กีฬาชนิดเดียวที่เขาเล่น เพราะทอมยังมี "มวยปล้ำ" เป็นกีฬาอีกชนิดที่ชอบไม่แพ้กัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 จากบทสัมภาษณ์ของ "ทอม จาร์เร็ต" หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของทอมขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่ Glen Ridge High School ที่เผยว่า ทอมเริ่มฉายแววการเป็นสตันท์มาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้วและกีฬาก็เปรียบเสมือนกับเครื่องมือที่ช่วยให้เขาได้ระบายความเครียด เพราะทอมเป็นเด็กที่ต้องเผชิญกับการย้ายบ้านอยู่บ่อย ๆ จนทำให้เขาปรับตัวเข้ากับใครไม่ได้
เขาเผยกับ Daily Mail ถึงเพื่อนของเขาที่ตอนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยว่า
ทอมไม่รอช้าหลังจากที่จบการศึกษาที่โรงเรียน Glen Ridge High School ในปี 1980 เข้าได้ออกไปอยู่ที่นิวยอร์กซิตี้เพื่อตามความฝันการเป็นนักแสดงควบคู่ไปกับการทำงานเป็นบริกรในร้านอาหาร ก่อนจะพาตัวเองย้ายไปเสี่ยงโชคอีกครั้งที่ฮอลลีวูด ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย
1
จนในที่สุดก็เริ่มได้บทเล็ก ๆ ในละครทีวี จนไต่เต้าขึ้นไปสู่ภาพยนตร์ได้ เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำของภาพยนตร์ The Outsiders (1993) ประกบ แมต ดิลลอน, แพทริก สเวซี่ และเป็นนักแสดงนำจริง ๆ ในภาพยนตร์ Risky Business (1983) ที่เล่นคู่กับ รีเบคก้า เดอ มอร์เนย์ ก่อนที่จะดังเป็นพลุแตกในภาพยนตร์ Top Gun (1986) ในเวลาต่อมา
ความบังเอิญชวนขำขันเล็กน้อยคือตอนที่ภาพยนตร์เรื่อง All The Right Moves (1983) ที่เขารับบทนำได้พา ทอม ครูซ กลับมาเจอกับอเมริกันฟุตบอลอีกครั้ง ในบทของเด็กที่พยายามหนีออกไปจากเมืองที่ตัวเองอยู่ไปมีชีวิตที่ดีด้วยสกิลการเล่นของตัวเอง หรือจะเป็นภาพยนตร์ Born on the Fourth of July (1990) ที่มีฉากที่เขาต้องกลับไปเล่นมวยปล้ำอีกครั้ง
เรื่องดังกล่าวยังมีความตลกร้ายอยู่อีกเล็กน้อย เพราะภาพยนตร์ Born on the Fourth of July (1990) ก็ส่งผลให้เขาได้เข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์และคว้ารางวัลนักแสดงนำชายในภาพยนตร์ดราม่าเรื่องนี้จากเวทีลูกโลกทองคำมาได้ ซึ่งเป็นเหมือนเป็นการได้ดีกับสิ่งที่ตัวเองรักไปโดยปริยาย