28 พ.ค. 2022 เวลา 01:51 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
#ติ่งอะไรในเคป็อป
รีวิวเคป็อปอัลบั้ม (2022)
* RECOMMEND *
08. Chang Kiha ‒ Levitation (EP)
Released: 2022/02/22
Genres: electronica, experimental pop
Produced by 장기하 (Chang Kiha)
.
(장기하 (Chang Kiha), Alfie Hole)
“สภาวะลอยตัว”
TRIGGER WARNING!!
** เนื้อหานี้มีคำสบถและหยาบคายเพื่อให้การบรรยายเข้าถึงทุกอณูในแต่ละประโยคในบางส่วนของเนื้อหา หากผู้อ่านท่านใดที่รู้สึกไม่โอเค ขออภัย ณ ทีนี้ด้วย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะมีความต้องการให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามฟีลลิ่งแต่จะพยายามไม่ยัดเยียดจนเกินเหตุ ให้มีความสมเหตุสมผลควบคู่กันไป ถือว่าติดเครื่องหมายเตือนด้วยดีแล้ว อย่างน้องก็ได้แจ้งกันให้ทราบถือว่าเข้าใจทุกภาคส่วน **
• ชางกีฮา (Chang Kiha) จากนักศึกษาที่จบในมหาลัยโซลด้านสังคมวิทยาที่รักในเสียงดนตรีโดยเริ่มต้นจากการเป็นมือกลองวง ในปี 2003 สู่การเป็นอดีตนักร้องนำวงอินดี้สุดจ๊าบภายใต้สังกัด DOOROODOOROO ARTIST COMPANY ในชื่อวงที่ตั้งขึ้นมาเหมือนเป็นการล้อเลียนเจ้าตัวแต่กลับซ่อน easter egg ถึงวงการอุตสาหกรรมเพลงในประเทศตัวเองไม่ยอมรับความสามารถที่แท้ของศิลปิน
เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนแล้วดูแต่หน้าตาเป็นหลักอย่าง 장기하와 얼굴들 (Kiha & The Faces) มาพร้อมกับสไตล์การร้องสุดแปลกแหวกแนวกว่าชาวบ้านในรูปแบบของ talking vocal เฟี้ยวเงาะทำเอาถูกใจเหล่าคนฟังเฉพาะกลุ่มมาตลอดเป็นเวลาถึง 10 ปี
ด้วยเพลงฮิตที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในมุมของแวดวงการอินดี้เช่น A Sort Of Relationship (그렇고 그런 사이), I Watched TV (TV를 봤네), Kieuk (ㅋ), "That's Just What You Think" (그건 니 생각이고) หรือจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Nameless Gangster: Rules of the Time “I Heard A Rumor (풍문으로 들었소)”
และการได้ไปออกรายการยอดฮิต ณ อดีอย่าง Infinite Challenge ก็สร้างชื่อเสียงวงกว้างในสาธารณะชนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว(ซึ่งต่อมาอีกสองปีให้หลังก็มีวงรุ่นน้องในสังกัดอย่างแก๊งค์หลวงพี่ HYUKOH ก็ประสบความสำเร็จจากรายการนี้เช่นกันบวกอิทธิพลความเป็นติ่งของอดีตแฟนเก่าพี่แกด้วย) จนท้ายที่สุดได้ประกาศสิ้นสุดการทำร่วมกันในวันสุดท้ายของปี 2018 อย่างเป็นทางการเพื่อต้องการให้สมาชิกทุกคนได้ทำตามในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
장기하와 얼굴들 (Kiha & The Faces), 2018
• พอจบกิจกรรมในนามวงพี่แกก็หายหน้ากลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเกือบปี การปรากฏตัวในนามเดี่ยวเกิดจาก Mommy Son หรือเฮีย Mad Clown ชวนพี่แกไปฟีทเจอร์ริ่งในเพลง Thank You Thank You สุดแสนจะบ้าบิ่นและเนื้อหาที่โคตรอีหยังวะแต่กลับกลายเป็นพลังงานแย่งซีนจนคนอื่นจมมิดหายไปในใต้ดิน
เป็นความที่ไม่คิดไม่ฝันว่าพี่แกจะสามารถเข้ากับงานแทร็ปฮิปฮอปได้แต่มันก็เป็นไปแล้วซึ่งมันก็พอให้เห็นสกิลดั้งเดิมของตัวเองไปได้ในอีกหนึ่งทิศทางที่แปลกใหม่แม้จะหายหน้าเก็บตัวไปนานแต่ยังคงความเฟี้ยวรุ่นเดอะเอาไว้
หรือการเป็นส่วนร่วมในอัลบั้ม remix ให้รุ่นน้องแก๊งค์หลวงพี่ในเพลง Silverhair Express ที่หยิบเอาบางส่วนจากหนังสือ 우리가 빛의 속도로 갈 수 없다면 (If We Cannot Move at the Speed of Light) ของนักเขียน คิมโชยอบมาบรรยายในเพลงที่ว่าด้วยเรื่องของการผจญภัยในอวกาศที่เปรียบเสมือนกับกับการสำรวจจิตใจของมนุษย์
แม้กระทั่งการร่วมงานครั้งล่าสุดกับ Lee Suho ในเพลง Worship From Elsewhere ก็พอที่จะบ่งบอกได้ว่าชายคนนี้เริ่มกลับมาในวงการเพลงอีกครั้ง
• แน่นอนว่าการกลับมาของชางกีฮาแม่งต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ประกาศคัมแบ็คแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยเพลง February 22, 2022 เป็นการบอกใบ้ก่อนหนึ่งอาทิตย์ที่จะปล่อยของจริงออกมาสุดแสนจะไร้ปี่ไร้ขลุ่ยฟังดูเหมือนไม่มีอะไรก็แค่ประกาศปล่อยอัลบั้มเฉยๆ แต่เนื้อหาได้พูดถึงช่วงที่พี่แกกลับไปใช้ชีวิตปกติกับเพื่อนฝูงสนุกสนานเฮฮาแต่ในระหว่างทางได้มีคำถามขึ้นมาว่า “มึงไม่ทำเพลงแล้วต่อไปจะทำอะไร?”
เลยเกิดเป็นจุดชนวนสู่การหวนคืนแบบคนบ้าๆในเพลงนี้เป็นการตอบกลับให้ทุกคนได้รับรู้อย่างทั่วถึงว่า “กูยังไม่เกษียณเว้ย!!”
เวิ่นมาได้นานสองนานถึงเวลาพูดถึงอีพีอัลบั้ม <공중부양> หรือ Levitation กันสักที
Chang Kiha, 공중부양 | Behind The Scene (2022)
• เอาแค่บริบทชื่อไตเติ้ลอัลบั้มก็ชัดเจนแปลตรงตัวว่าหมายถึง การลอยตัว พี่แกได้ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับมาในครั้งนี้ว่า ‘เป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของตัวเอง’ หลังจากที่การยุบวงของตัวเองจบลง in fact แม้ว่าพี่แกจะเคยเดบิวท์ปล่อยโซโล่ในปี 2008 ก่อนหน้านี้แต่สไตล์งานเพลงยังคงเป็นงานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันที่การที่พี่แกออกมาพูดว่านี่คือ new chapter คงชัดเจนแล้วว่าจะไม่หันหลังให้งานเพลงเก่าๆที่เคยมีมาทั้งหมด
การใช้เวลานานกว่าถึงสามปีในการร่างอีพีอัลบั้มที่คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่งานทดลองทำเอาสนุกไม่อะไรมากมาย สำหรับชางกีฮาแล้วการใช้เวลาอันเนิ่นนานมันเป็นการค้นหาตัวตนของตัวเองไปด้วยว่าแท้จริงแล้วอะไรคือสิ่งที่ใช่ในฐานะนักดนตรีสำหรับตัวเองพร้อมกับความแปลกใหม่ที่จะเป็นการเดินทางสู่จุดเริ่มต้นในสายงานดนตรีอีกครั้ง
** ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างชวนสับสนเหมือนพี่แกแล้ว การตีความต่อไปนี้อาจจะไม่ได้เป๊ะทุกสัดส่วนเพราะขนาดพึ่ง translate ให้ช่วยแล้วไม่มีท่าทีจะเข้าใจ(พูดง่ายๆว่าโง่นั่นแหละ)เนื้อหาแก่นแท้มากนัก เลยจะขอตีความในมุมมองของตัวเองที่เอาตัวเองเป็นหลักให้คนที่อ่านได้เข้าใจกัน พยายามมากสุดเท่าที่จะพยายามได้ ผิดยังไงก็ขออภัยทุกคนด้วยเช่นกัน **
• What Wrong Have I Done? เปิดด้วยบัลลาดที่งวยงงกันเป็นแถบว่าสรุปแล้ว “เขาทำอะไรผิดกันแน่?” เป็นคำถามตามชื่อเพลงที่ฟังแล้วได้แต่คิดว่ามันคืออะไรกันแน่ ชางกีฮากำลังพูดถึงความสัมพันธ์ของคนรักในอดีตของตัวเองที่ยังไม่สามารถมูฟออนไปได้แม้จะเลิกรากันนานแล้วเปลี่ยนสถานะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่ดีต่อกันก็ตาม
น้อยครั้งมากที่จะได้เห็นผู้ชายคนนี้อยู่ในโหมด emotional เป็น first impression ที่แปลกใหม่สุดๆในปีนี้เลย บีทกลองกับเสียงเปียโนเงียบๆก็สามารถรับรู้ได้ถึงสภาวะหัวใจที่ยังคงมีบาดแผลไม่หายไปไหน แม้จะดูน้ำเน่าสำหรับพี่แกแต่ก็เป็นความน้ำเน่าที่เข้าใจได้เช่นกัน
• How Long Could It Last? มาในมู้ดสดใสออกแนวแทร็ปสไตล์ที่ได้รับอิทธิพลจากการไปร่วมงานกับเหล่าแร็ปเปอร์ ยังคงเป็นคำถามอีกว่า ต่อจากนี้ไปได้ไกลแค่ไหน? จากที่ฟังแล้วเพลงนี้น่าจะเป็นไตเติ้ลแทร็คประจำอัลบั้มจริงๆแหละ ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างจะดูลอยๆอยากพูดอะไรกูก็พูดกับชื่อเพลงที่เป็นเชิงคำถาม
ปรัชญาเนื้อหาซับซ้อนเหมือนกันแต่คงจะสื่อความหมายในแง่ของการชีวิตว่าหลังจากนี้จะอยู่ได้นานพอบนโลกใบนี้หรือเปล่านะ เนื้อหากับบีทแม่งโคตรสวนทาง แอบช็อตฟีลเอาเรื่องเลย
• Envy None ฟังครั้งแรกเหมือนคนกวนตีนพยายามบ่นห่าอะไรไม่รู้ อือก็ใช่แหละมันการกวนตีนในรูปแบบประชดประชันถึงสังคมในยุคปัจจุบันที่พูดถึงความอิจฉาของมนุษย์ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ตัวเองไปแล้ว ต่อให้ตัวเราหักห้ามใจตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่พอเจอคนที่ขี้อวดอารมณ์ความอิจฉาก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ชอบการ deep บีทในท่อน interlude แล้วระเบิดซาวนด์ให้ shuffle เล่นกับเนื้อหาภายในจิตใจว่าใช่ กูอิจฉามึง!!
พอเปลี่ยนกลับมาเป็นท่อน chorus ปกติเลยเป็นการดึงสติกลับมาได้ การดีไซน์องค์ให้ออกมาในมู้ดตลกๆฟังแล้วไม่เครียดให้เป็นคำถามคนฟังไปคิดเอาเองว่าสรุปแล้วมึงจะอิจฉาหรือไม่อิจฉากันแน่ แต่ถ้าจับจุดได้มันคือความตลกร้ายที่แฝงการประชดประชันสุดฤทธิ์ ไม่แปลกใจที่เพลงแม่งจะ go viral นอกเหลือจากโชว์ที่ขึ้นสลิงไปลอยบนอากาศสร้างเสียงฮือฮาทั่วสารทิศ
• Why Do You Try to Do Something When It‘s Totally Okay to Do Nothing ที่เพลงที่ยาวสัดเหมือนการเปลี่ยนแปลงชื่อเมืองหลวงภาษาอังกฤษของประเทศไทย ชางกีฮาได้หยิบเอาเพลง 심청가 (Simcheongga) ของ อีจารัม นักร้องสาย *พันโซริ* มาอยู่ในบีท electronic house ยาวอย่างต่อเนื่องใน 6 นาทีเต็มจากเดิม demo ที่ทำออกเพียงแค่หนึ่งนาทีครึ่ง
นอกจากนั้นยังมีเพลงในตำนานที่เจ้าตัวชื่นชอบ 내 마음에 주단을 깔고 ของ 산울림 (Sanulrim) มาสานต่อความยาวของเพลงซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ทำยากที่สุดในอีพีเนื้อหาก็มีแค่ชื่อเพลงเล่นวนลูปไปมาแซกด้วยเนื้อหาจากแซมเปิ้ลในบางส่วนเล็กๆน้อยๆ
เป็นแทร็คที่โคตรเซอร์ไพร์สในความครีเอทอีหยังวะของพี่แกชนิดที่เดาทางไม่ถูกเลยว่าจะมาไม้นี้แต่กลับกลายเป็นการใช้ประโยชน์ของงานอิเล็กทรอนิกส์ได้สนุกมือจัดๆ เป็นไฮไลท์แทร็คเก๋ๆประจำอีพีอัลบั้มนี้ชนิดที่ต่อให้ไม่รู้ความหมายแต่ก็สนุกไปกับซาวนด์ได้ เป็นการโต้ตอบเนื้อหาเพลงแซมเปิ้ลประมาณว่ามึงช่วยอยู่เงียบๆได้มั้ย!! เออ.. เอ๊อออออออออออออ!! เล่นแบบนี้ก็ได้เว้ยเฮ้ย
** 판소리 (Pansori/พันโซริ) คือนักร้องสายมิวสิคเคิลพื้นเมืองของเกาหลีที่จะเล่าเรื่องราวผ่านการร้อง การพูด และการแสดงท่าทางเพียง 1 คน ขณะเดียวกันยังมีคนตีกลองประกอบจังหวะอีก 1 คนแต่ในบางครั้งคนตีกลองยังช่วยประสานเสียงให้กับนักร้องหลักเพื่อการแสดงที่สมบูรณ์
• All บีทวูบวาบปิดท้ายอีพีพูดถึงชีวิตอันแสนเรียบง่ายของตัวเองหลังจากยุบวงไปใช้ชีวิตอยู่ที่พาจูเป็นเวลานับจนถึงปัจจุบันได้สามปี เป็นการเรียนรู้สัจธรรมของชีวิตในแบบของตัวเองว่าชีวิตคนเรามันก็ flow ไปเรื่อยเปื่อย ถ้าวันไหนกูฟรีก็คือฟรี วันไหนสบายก็คือสบาย วันไหนเหงาก็คือเหงา เป็นความรู้สึกที่ตรงไปตรงมากับชีวิตของตัวเองดีไม่ต้องทำอะไรให้มันเป็นเรื่องซับซ้อน
• จุดเด่นในการกลับมาของพี่แกในครั้งนี้ไม่ได้สอนให้เรารู้จักปรัชญาการใช้ชีวิตในแบบของชางกีฮาซะอย่างเดียว การได้ทดลองงานเพลงอะไรใหม่ๆก็เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงที่ออกมาเหนือความคาดหมายและโคตรจะเจ๋งแจ๋วเหมือนกัน การ represent แนวคิดของพี่แกมันชัดเจนว่าแม่งกำลังลอยอยู่บนอากาศระหว่างฟังจริงๆ แม้จะไม่ได้พาซาวนด์ electronica ลอยถึงดาวอังคารแต่ก็ปล่อยให้บีท flow ไปกับการลอยตัวจนรู้สึกเบาหวิวโดยไม่ต้องพึ่งเบส
อีกทั้งชางกีฮาได้ค้นพบคำตอบของตัวเองในช่วงระหว่างสองปีที่ผ่านมาหลังจากการพักงานของตัวเองก่อนจะเริ่มทำอีพีครั้งนี้ถึงการเป็นนักร้องของตัวเองว่าสรุปแล้วเขาเป็นนักร้องประเภทไหนกันแน่? คำตอบที่เขาตามหามานานแสนนานมันกลับบรรลุออกมาว่าการเป็นนักร้องของตัวเองไม่ใช่การอยู่ในหมวดหมู่หรือประเภทไหนทั้งนั้น แต่เป็น “เสียง” ของตัวเองต่างหากที่จะบ่งบอกถึงการเป็นนักร้องในตัวของเขาได้ดี
ต่อให้คุณร้องเพลงประเภทไหนก็แล้วแต่แค่ใช้เสียงของตัวเองในการร้องมันก็เหมือนเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน
//งงนิดหน่อยแต่ก็จะพอเข้าใจเช่นกัน
• ในความหมายของการ “ลอยตัว” ของพี่แกคงไม่ใช่แค่การปล่อยให้ตัวเองไม่รับรู้เรื่องราวห่าเหวอะไรบนโลกใบนี้เสมือนพวกลอยตัวเหนือดราม่าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการเรียนรู้ชีวิตของตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลังจาก Kiha & The Faces ได้แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน ชางกีฮาเข้าใจถึงชีวิตที่ไม่ต้องสีสันแบบรูปแบบเก่าอีกต่อไป
การที่นิยามอีพีอัลบั้มนี้ว่าจะเป็นอัลบั้มที่ล่องลอยโดยไม่ต้องเหยียบพื้นดิน คงเปรียบเสมือนในแง่ของการดำเนินชีวิตที่ถึงแม้ว่าบางสิ่งบางอย่างภายใต้ความรู้สึกของตัวเราจะยังคงยึดติดกับอดีตอยู่บ้างแต่ในเมื่อโลกมันหมุนรอบตัวตลอดเวลา ชีวิตมันก็ต้องดำเนินก้าวต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ สัจธรรมคำเดียวในภาษาอังกฤษคงเป็นคำว่า Move On แต่กับภาษาไทยคำว่า “ปลง” คงจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับชางกีฮาแล้ว
นิยามของคำว่า ลอยลำ จึงเป็นการละทิ้งความรู้สึกในอดีตของตัวเองออกไปให้ลอยอยู่บนอากาศที่ไหนสักที่โดยไม่ต้องไปหวนนึกถึงมันอีก หลังจากนี้ไปเราจะได้เห็นชีวิตการเป็นศิลปินเดี่ยวของพี่แกอย่างเป็นทางการไปอีกยาวๆเลยทีนี้
“ว่าแต่อัลบั้มนี้มันทำเพื่อความสนุกจริงๆใช่มั้ย?”
Score: 8.5/10
Top Tracks: What Wrong Have I Done?, How Long Could It Last?, Envy None
Recommend Track: Why Do You Try to Do Something When It‘s Totally Okay to Do Nothing
thank u for reading 🙏
ถ้ามีคำหรือประโยคไหนที่ใส่มาเพื่อความอรรถรสแล้วไม่ถูกใจผู้อ่านทุกท่านขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
โฆษณา