28 พ.ค. 2022 เวลา 05:13 • ธุรกิจ
เปิดบริษัทในไทยอย่างเป็นทางการ !
TESLA จะเข้ามาทำอะไรในประเทศไทย
Tesla จดทะเบียนบริษัทเพื่อ “ประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า” คือแค่นำเข้ารถยนต์มาขายเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยแต่อย่างใด แต่ก็มีข้อดีอย่างอื่นเช่น อาจจะมาเปิดศูนย์ซ่อมบำรุง หรือว่าติดตั้งสถานี Tesla Supercharger ในไทย ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ของ Tesla ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
อะไรจะเกิดขึ้นถ้า TESLA ลุยตลาดประเทศไทย?
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยถือว่าได้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งในเรื่องยอดขายรถยนต์ การติดตั้งสถานีชาร์จเพิ่ม หรือว่านโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลเอง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในต่างประเทศซึ่งใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว infrastructure หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกพื้นฐานสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรายังเทียบกับต่างประเทศไม่ได้
เห็นได้ชัดจากสถานีชาร์จตามต่างจังหวัดที่อาจจะมีจำนวนไม่มากพอ(ถึงจะกำลังทยอยติดตั้งเพิ่มมากขึ้นก็ตาม)หรือที่มีก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยดูจะยากขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าหาก Tesla เข้ามาทำการตลาดในไทยอย่างจริงจัง ในภาพรวมอาจจะไม่ได้ทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น แต่ก็มีส่วนทำให้แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรามีการแข่งขันกันมากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าประโยชน์ต้องตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นี่แหละ
รถจะมีราคาถูกลงหรือเปล่า ?
ในปัจจุบันรถ Tesla ที่ขายอยู่ในประเทศไทยเป็นรถนำเข้าจากตัวแทนจำหน่ายอิสระ ทำให้รถมีราคาค่อนข้างสูงจากภาษีนำเข้า แต่ถ้า Tesla เข้ามาทำการตลาดในไทยก็เป็นไปได้มากว่ารถที่จำหน่ายอาาจะนำเข้ามาจากประเทศจีน เพราะ Tesla มีโรงงานผลิตขนาดใหญ่อย่าง Tesla Giga Shanghai อยู่ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกลงมาเนื่องจากข้อตกลงทางการค้าทำให้ไม่เสียภาษีนำเข้า
จดบริษัทแล้วจะเริ่มทำการตลาดเมื่อไร
คำถามนี้อาจจะไม่มีคำตอบที่แน่ชัด เพราะการจดทะเบียนบริษัทก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะเข้ามาทำการตลาดได้เร็ว ๆ นี้ เพราะถ้าอ้างอิงจากประเทศสิงคโปร์ที่ Tesla จดทะเบียนบริษัทไปตั้งแต่ปี 2010 แต่รัฐบาลสิงคโปร์เพิ่งจะอนุญาตให้มีการจำหน่ายเมื่อปี 2021 นี่เอง ก็ได้แต่หวังว่าคนไทยคงไม่ต้องรอกันนานขนาดนั้น
ควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อไร
จริง ๆ รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราตอนนี้อาจจะเหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากสถานีชาร์จยังไม่รองรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้ามองสถานการณ์ในช่วงนี้ แบรนด์รถยนต์ทั้งญี่ปุ่นและจีนก็กำลังแข่งกันทำการตลาดในบ้านเรา ตัวเลือกในการใช้งานก็เพิ่มมากขึ้น ไหนจะราคาที่ถูกลงมาจากนโยบายสนับสนุนจากรัฐ
แต่ถ้าเทียบกับต่างประเทศก็ดูเหมือนว่าจะยังเสียเปรียบอยู่หลาย ๆ ด้าน คำตอบของคำถามนี้ต้องมองจากการใช้งานเป็นหลักว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน มีเวลาพอที่จะชาร์จแบตก่อนใช้งานหรือเปล่า แต่ถ้าอยากจะรอให้ทุกอย่างลงล็อคกว่านี้ สถานีชาร์จมากกว่านี้ ราคาถูกลงกว่านี้ อาจจะต้องรอกันอีกอย่างน้อย 2 ปีครับ
โฆษณา