28 พ.ค. 2022 เวลา 10:00 • ประวัติศาสตร์
"กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้"
เมื่อเสด็จพ่อ ร.5 ทรงถูกพนักงานไล่ลงจากรถราง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงโปรดในการเสด็จประพาสแบบสามัญชนธรรมดา บางครั้งก็ทรงฉลองพระองค์แบบชาวบ้านธรรมดา
และไม่มีผู้ติดตาม มีเรื่องเล่ากันว่า..พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งโดยปกติพระองค์มักจะเสด็จออกตรวจตราดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์อยู่เสมอๆ
โดยทรงฉลองพระองค์อย่างประชาชนคนธรรมดาทั่วไปเสด็จปะปนไปกับประชาชนมิได้ขาดและมักเสด็จไปโดยปราศจากผู้ติดตาม
วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นได้เสด็จขึ้นประทับรถรางของ นายจอห์น ลอฟตัส ที่หลักเมืองอันเป็นต้นทางเผอิญทรงลืมเอาเงินพกติดตัวไปด้วย
เมื่อรถเคลื่อนที่ออก คนเก็บเงินถามว่าจะไปลงที่ไหน
ทรงตรัสว่า…••ถนนตก••
คนเก็บเงินจึงบอกไปว่า…ถนนตกต้องเสียเงินสลึงหนึ่ง…
พระองค์ตรัสว่า…ไม่มี รีบออกมาจากบ้าน ลืมเอามาฉันมีธุระจริงๆ พรุ่งนี้จะเอามาให้ ขอให้ฉันไปด้วยนะ…
คนเก็บเงินบอกว่า…ไม่ได้หรอก ระเบียบเขามีอย่างนั้น ขึ้นรถแล้วก็ต้องเสียเงินซี…
พระองค์ตรัสว่า…เถอะน่าเว้นฉันไว้สักคนคงไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอก…
กระเป๋าตอบว่า…ไม่ได้หรอกฉันต้องทำตามหน้าที่ อย่าหาว่าใจร้ายใจดำเลยพ่อคุณให้พ่อไปด้วยไม่ได้หรอกมันผิดระเบียบ…
พระองค์ตรัสว่า…ก็ฉันจะไปนี่นาบอกว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้ เมื่อไม่เชื่อก็ตามใจแต่ฉันต้องไปถนนตกให้ได้…
ฝ่ายคนเก็บเงินก็ไม่ยอมท่าเดียวเถียงกันไปมา…เผอิญคุณยายคนหนึ่งที่นั่งมาในรถรางคันเดียวกันเห็นเถียงกันไปมาไม่หยุด จึงยื่นเงินสลึงหนึ่งให้…
…เอ้า… ฉันให้ค่ารถแทนก็แล้วกัน…
คนเก็บเงินก็รับเอาไปเรื่องราวควรจะจบลงแค่นี้แต่พอรถรางวิ่งไปจนเกือบถึงถนนตก รถม้าพระที่นั่งก็วิ่งตามไปทันทุกคนบนรถรางรวมทั้งคนเก็บเงินหันไปดู…
มีคนตะโกนว่า…ในหลวงเสด็จ ต่างคอยจ้องดูในหลวงกันรถรางคันนั้นก็หยุด เพื่อให้รถพระที่นั่งผ่านไปก่อนแต่รถพระที่นั่งไม่เลยไป…
กลับมาหยุดเทียบรถรางพอดีในหลวงซึ่งประทับมาในรถราง ก็เสด็จขึ้นประทับบนรถพระที่นั่งแล้วก็บ่ายหน้ากลับทันที ตอนนี้คนเก็บเงินรถราง ตาเหลือก ตกตะลึง
เมื่อรู้ว่าผู้ที่ตนทะเลาะเรื่องค่าโดยสารและไล่ให้ลงเมื่อกี้ คือ ••ในหลวง•• ถึงกับมือเท้าอ่อนเหงื่อโทรมกาย คิดไปคิดมาเลยร้องไห้โฮเพราะเจ็บใจตัวเองที่มีตาหามีแววไม่…
เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับเจ้าชีวิต คราวนี้เห็นทีไม่รอดแน่นอนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าสงสาร…
รุ่งขึ้น!!!ตำรวจมาสืบหาตัวคนเก็บเงินรถรางแล้วจับกุมตัวคนเก็บเงินรถรางหน้าซีด ลาลูกเมียและเพื่อนฝูงเป็นการใหญ่ นึกอยู่ในใจว่าโทษของตนต้องถูกกุดหัวสถานเดียวแน่นอน
ตำรวจพาตัวคนเก็บเงินรถราง เข้าเฝ้าถึงท้องพระโรง ถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีกเลยทีเดียว ตำรวจต้องช่วยพยุงเข้าไป พอเข้าไปถึงพระที่นั่ง
คนเก็บเงินรถรางถวายบังคมท่าทางเงอะงะ วิงวอนขอพระราชทานชีวิตเอาไว้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทอดพระเนตรเห็นอาการของคนเก็บเงินแล้วก็ให้ทรงนึกขำ แต่ก็ทรงแสร้งทำพระพักตร์บึ้งตึง
มีพระราชดำรัสตวาด และด่าว่าคนเก็บเงินรถราง
ตรัสว่า…โทษถึงประหาร กูเป็นเจ้าเหนือหัวแท้ๆ ยังทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ จะเก็บเงินกูก็จะให้ แต่เผอิญกูลืมเอาไปผัดก่อนก็ไม่ได้
คนแบบนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดินของกู
แล้วตรัสเรียกมหาดเล็กให้หยิบถุงถุงหนึ่งมาถวายต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสเรียกคนเก็บเงินรถรางเข้าไปใกล้ๆ ทรงยื่นถุงให้แล้วตรัสว่า…
เอ้า!! เอาไปถ้าเมืองไทย มีคนทำงานตามหน้าที่อย่างนี้มากๆ บ้านเมืองก็เจริญ
เมื่อคนเก็บเงินรถรางรับถุงนั้นออกมาแล้วก็มีรับสั่งให้นำตัวออกไป พอพ้นวังตำรวจบอกว่ากลับบ้านได้ คนเก็บเงินรถรางประหลาดใจ เอ๊ะ+!! เรื่องมันยังไงกันนี่ พอตำรวจจากไปแล้ว
จึงนึกถึงถุงที่ได้รับพระราชทานมาแต่พระหัตถ์ในหลวงขึ้นมาได้ เปิดปากถุงออกดูเห็นเป็นเงินจึงเทออกมานับปรากฏว่ามีทั้งหมดชั่งหนึ่งพอดีคนเก็บเงินรถรางยิ้มออกมาได้
ทรุดตัวลงนั่งกลางถนนนั่นเองหันหน้าไปทางที่ประทับของในหลวง ถวายบังคมลาแล้วเดินตัวลอยยิ้มแป้นกลับบ้านทันที…
นับเป็นเรื่องราวในอดีตที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ของพ่อหลวง ร.5
จากหนังสือ เมืองไทยในอดีต
(พระนคร) ของ เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูล : สำนักพิมพ์ วัฒนาพานิช
โฆษณา