28 พ.ค. 2022 เวลา 23:12 • กีฬา
- แชมป์นี้เพราะกูร์กตัวส์ -
หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตุหรือเอะใจอะไรว่าการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งนี้คือครั้งแรกของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ในฐานะนักเฝ้าเสามืออาชีพ
เพราะในฤดูกาล 2017-18 ที่ เรอัล มาดริด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้และเป็นแชมป์รายการนี้ฤดูกาลล่าสุดนั้นมือหนึ่งจอง "ราชันชุดขาว" ยังคงเป็น เกย์เลอร์ นาวาส
ดังนั้นความมุ่งมั่นของ กูร์กตัวส์ จะเดือดพุ่งพล่านก็ไม่แปลกอะไร แต่มันก็ไม่คิดว่าจะเหนียวแน่นหนึบแบบนี้ขนาด คาร์โล อันเชล็อตติ ยังเหวอจนให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า
"เชื่อผมเถอะ ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยกับสิ่งที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำในวันนี้ ผมช็อก มันน่าเหลือเชื่อมาก"
ทุกคนที่ได้รับชมต่างอ้าปากค้างกันแน่นอนครับกับช็อตเซฟแต่ละจังหวะของ กูร์กตัวส์
เพื่อนๆชอบจังหวะไหนกันบ้าง ? สำหรับผมตอนที่เซฟลูกยิงเต็มข้อของ ซาดิโอ มาเน่ แล้วไปชนเสาช่วงครึ่งแรกนั่นคือการเบรคเกมทุกอย่างจริงๆ
เพราะโมเมนตั้มในช่วงนั้น ลิเวอร์พูล เดินหน้ากลายร่างเป็น 'เร้ด แมชชีน' แล้วครับพวกเขาใส่เกียร์ 5 อัดเต็มสูบหมายมั่นว่าจะทำประตูให้ได้ก่อนจบครึ่งแรก
ส่วนครึ่งหลังจังหวะเซฟลูกยิง โม ซาลาห์ นี่ก็สามารถเป็น ช็อต ออฟ เดอะ แมตช์ ได้ไม่แพ้กันครับ ตลอดระยะเวลา 95 นาทีบนผืนสนามหญ้านายด่านทีมชาติเบลเยี่ยมมีสมาธิและจดจ่ออยู่ในเกมตลอดทุกวินาที
กูร์กตัวส์ สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ
9 เซฟคือตัวเลขที่ กูร์กตัวส์ ทำได้และมันคือตัวเลขประวัติศาสตร์ที่ทำให้เขากลายเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในวันนี้
7 เซฟมาจากการยิงในกรอบเขตโทษของนักเตะลิเวอร์พูล
นอกจากนี้มันยังทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในรอบชิงชนะเลิศได้ต่อจาก โอลิเวอร์ คาห์น (2001) และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (2008)
การที่ กูร์กตัวส์ องค์ลงในครั้งนี้มันมีเหตุผลที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นครับเพราะหลังจบเกมเขาได้ให้สัมภาษณ์ตอกกลับไปถึงสื่อสัญชาติอังกฤษแบบเจ็บๆคันๆอีกด้วย
"ผมบอกในงานแถลงข่าวก่อนเกมว่าเมื่อ มาดริด ได้เล่นในรอบชิงชนะเลิศพวกเขาคว้าชัยชนะเสมอ"
"ผมเห็นคนอื่นๆต่างบอกกันว่าผมควรอ่อนน้อมถ่อมตนมากกว่านี้"
"แต่ในวันนี้ผมต้องการชนะ เพื่ออาชีพของผม เพื่อการทำงานหนัก เพื่อความเคารพที่มีต่อชื่อของผมเพราะผมไม่คิดว่าผมได้รับความเคารพมากนักโดยเฉพาะในอังกฤษ ผมเห็นคำวิจารณ์มากมายที่ไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ช่างมันเหอะ"
"ผมแค่มีความสุขและภูมิใจกับผลงานของทีมและเมื่อผมจำเป็นต้องทำเพื่อทีมผมก็อยู่ถูกเวลาเสมอ เราเพิ่งชนะทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกเหมือนกับเราอย่าง ลิเวอร์พูล พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ"
"ผมคิดว่าตัวเองมีเกมที่ยอดเยี่ยมและนั่นล่ะคือความแตกต่าง"
แตกต่างจริงๆครับเพราะสไตล์ของ กูร์กตัวส์ ไม่ใช่ผู้รักษาประตูสมัยใหม่ที่ใช้เท้ากับบอลได้เป็นอย่างดีหรือเล่นจังหวะนอกกรอบเขตโทษสม่ำเสมอ
ทว่าสไตล์ของ กูร์กตัวส์ คือการเล่นนิ่ง แน่นอน มีจังหวะร่วมกับเกมคือจังหวะเซฟ เอาง่ายๆก็คือมั่นคงในจังหวะสุดท้ายเหมือนๆกับนายด่านที่ได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ก่อนหน้า 2 คนนั่นล่ะ
ยินดีกับแชมป์สมัยแรกของ กูร์กตัวส์ และสมัยที่ 14 ของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ด้วยจริงๆครับ
โฆษณา