28 พ.ค. 2022 เวลา 23:41 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Top Gun: Maverick ... Top จริงๆ
Top Gun: Maverick เป็นเรื่องราว 30 กว่าปีต่อมา หลังจากรับราชการเป็นนักบินระดับท็อปของกองทัพเรือของ พีท “มาเวอริค” มิทเชลล์ กลับมาสู่ที่ซึ่งเหมาะสมกับเขา เขากลับมาเป็นนักบินทดสอบผู้กล้าหาญและหลีกหนีจากความก้าวหน้าทางการงาน เขากลับมาฝึกหน่วยท็อปกันเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษในรูปแบบที่ยังไม่เคยมีนักบินที่ยังมีชีวิตอยู่เคยเห็นมาก่อน
มาเวอริคต้องเผชิญหน้ากับเรือโทแบรดลีย์ แบรดชอว์ หรือ “รูสเตอร์” ลูกชายของเรือโทนิค แบรดชอว์ หรือ “กูส” เพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาต้องพบกับอนาคตที่ไม่แน่นอนและอดีตที่ตามหลอกหลอน มาเวอริคต้องเผชิญกับความกลัวที่ฝังลึกอยู่ และปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจนี้ผู้ที่ได้รับเลือกให้ร่วมบินต้องเสียสละอย่างที่สุด
คำพูดที่พูดติดปากเสมอ Just do it, Don't think. ที่มาเวอริคพยายามจะบอกกับ รูสเตอร์ เสมอ
1
หลังจบการฝึก มาเวอริคจำเป็นต้องเลือกนักบินที่ดีที่สุด เพื่อทำการบินไปกับตนเอง ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ต้องไม่พลาดฉากนี้ ที่ดึงดราม่า น้ำตาแตกได้อีกเหมือนกัน ทั้งอารมณ์ความเป็นทหาร ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ รวมทั้ง เพื่อนที่เหนื่อยร่วมกันมา
ภายใต้ความกดดันนั้น ในเรื่องยังนำเสนออำนาจของพลังมืดในหน่วยงานราชการไว้ได้ดี ต้องขอบคุณนายพล Ice ที่เป็นลมใต้ปีกให้กับมาเวอริคตลอดมา
แน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นใน Top Gun: Maverick คืองานสร้าง ชนิดที่เราต้องยกนิ้วให้และมอบคะแนนเต็มไปโดยปริยาย เพราะทุกนาทีของหนังเรื่องนี้สัมผัสได้ถึงความละเอียดในการถ่ายทอดแต่ละซีน ไม่ว่าจะสัดส่วนฉากแอคชั่นบินผาดโผนต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดทุกอณูออกมาได้อย่างน่าทึ่งและตระการตา เป็นประสบการณ์ดูภาพยนตร์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นย้ำว่าผู้ชมควรที่จะดูบนจอใหญ่ในโรงหนังจริง ๆ
1
การเล่าเรื่องของ Top Gun: Maverick ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้หนังชวนติดตาม แม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานจากภาคแรกมาเลยก็ตาม ผู้อ่านต้องสารภาพว่าเกิดไม่ทันภาคแรกของหนังเรื่องนี้ และไม่มีความทรงจำเท่าไหร่ว่าเคยดูหนังต้นฉบับมาก่อนหรือไม่ เมื่อได้มาดูภาคต่อโดยที่ไม่มีภาพของภาคแรกอยู่เลย ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในอรรถรสของหนังอะไรเลย
การเล่าเรื่องยังราบรื่นดี เพียงแต่ผู้ชมจะไม่มีความลึกซึ้งกับภาพความหลังต่าง ๆ ที่หนังหยอดเข้ามาเรื่อย ๆ
งานดีไซน์ฉากแอคชั่นและงานภาพต่าง ๆ ว่าดีแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ งานเทคนิคด้านเสียงของหนังเรื่องนี้ ที่พิจารณาดูแล้วน่าจะมีโอกาสลุ้นรางวัลในช่วงต้นปีหน้าได้ไม่ยากเลย ทั้งการผสมเสียงและสร้างซาวน์เอกเฟคต่าง ๆ ในหนัง เสียงระเบิด เสียงเครื่องยนต์ เสียงไอพ่น ทุกอย่างสร้างสรรค์ออกมาเป็นองค์ประกอบที่เหมาะเจาะกับโทนของหนังได้ราบรื่นตลอดทั้งเรื่องดี
รีวิวหนัง Top Gun: Maverick
แคสติ้งนักแสดงใน Top Gun: Maverick ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความดีงามอย่างน่าประหลาดใจ เพราะนี่กลายเป็นนักแสดงดรีมทีมแบบยกชุดเลยก็ว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวละครดั้งเดิมจากต้นฉบับ ทอม ครูซ กับอินเนอร์การเป็น มาเวอริค ที่เขาถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจน มีเพียงแค่ร่างกายที่ร่วงโรยไปตามวัยเท่านั้น
แต่คนอะไรยังดูดีในชุดเครื่องแบบทหารมาก ๆ เปลี่ยนแปลง และนี่คือต้นฉบับตัวละครที่เป็นตำนาน กับเสื้อแจ็คเก็ตหนัง-ปักแท็กมากมาย พร้อมด้วยแว่นตาทรง Aviator มันคือตำนานที่ยังหายใจอยู่จริง ๆ
"วัล คิลเมอร์" ก็เป็นนักแสดงดั้งเดิมที่มาร่วมแจมด้วย พร้อมกับให้การแสดงน้อยแต่มากและเป็นตำนานตลอดกาล ร่วมด้วย "เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่" ที่เท่แบบละสายตาไม่ได้ รวมทั้ง "เอ็ด แฮร์ริส", "จอน แฮมม์" และ "ชาร์ลส์ พาร์เนลล์" ที่โดดเด่นกันทุกคน
ส่วนทีมนักแสดงรุ่นใหม่ก็ทรงเสน่ห์ในทุกตัวละคร "ไมลส์ เทลเลอร์" เจิดจรัสเป็นอย่างมาก ขณะที่ "เกลน พาวเวลล์", "โมนิก้า บาร์บาโร", "เลวิส พูลแมน" หรือ "เจ เอลลิส" ก็เป็นนิวเจนที่เข้ามาเสริมทัพได้อย่างเติมเต็มเป็นอย่างดี
โดยภาพรวมแล้ว Top Gun: Maverick ถือว่าเป็นการคัมแบ็กกลับมาในรอบ 36 ปีที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความประทับใจ ไม่น่าเชื่อว่าการหยิบเอาหนังเก่าหลายทศวรรษมาทำเป็นภาคต่อบนความเสี่ยงสุด ๆ จะออกมาเป็นหนังที่มีรสชาติที่กลมกล่อมและบันเทิงดีได้เช่นนี้
นับว่าเป็นหนังฟอร์มใหญ่ของฮอลลิวูดปีนี้อีกเรื่องที่คุ้มค่ากับการรอคอย หลังจากที่เลื่อนฉายมาหลายครั้ง และนี่คือหนังที่แนะนำให้ทุก ๆ คนได้ดูชม โดยเฉพาะต้องชมในโรงหนังเท่านั้นจริง ๆ มันถึงจะได้ฟีลที่สุด!
👍มาร่วมค้นหานักบินที่พร้อมที่สุด ร่วมกับครูฝึกสุดหล่อ ในภารกิจที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน และเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของชายชาติทหารไปด้วยกัน
:::เด็กการบิน::::
#หนังดีบอกต่อ
โฆษณา