30 พ.ค. 2022 เวลา 00:37 • กีฬา
ความเขี้ยวลากดินของมาดริดทำหงส์แดงหัวใจสลาย
เขี้ยวลากดินหมายถึงมีเล่ห์เหลี่ยมมาก ประสบการณ์มาก ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ้งที่ต้องการ
เรอัล มาดริด ในปีนี้บนรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค ผมใช้คำว่าเขี้ยวลากดินคงจะเหมาะกับพวกเขามากที่สุด
การที่พวกเขาสามารถล้มทั้งเชลซี แมนซิตี้ แบบ”โกงความตาย”มาติดๆกันโดยเฉพาะในเกมกับเรือใบสีฟ้าใครถ้าเปรียบเป็นคนก็อาการโคม่าใกล้ตายเต็มทีแต่อยู่ดีๆก็ฟื้นขึ้นมารัวใส่แชมป์พรีเมียร์ ลีคจนหงายหลังตกรอบไปหน้าตาเฉย
เป็ป กวาดิโอลาร์กุนซือของแมนซิตี้ยังต้องออกมาโอดครวญว่าเขาผิดพลาดตรงไหน เพราะอะไรถึงยังพาทีมประสบความสำเร็จในรายการนี้ไม่ได้เสียที หนล่าสุดต้องย้อนไปวันวานอันหวานชื่นที่บาร์เซโลน่าเมื่อปี 2011
การที่มาดริดทำแบบนี้ได้หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ หรือภาษาบ้านๆเรียกว่าฟลุ้คแต่การที่พวกเขากลับจากความตายมาได้ถึง2ครั้งแถมไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศได้แสดงว่าคงไม่ใช่ดวงหรือโชคชะตาเพียงอย่างเดียวแล้ว
มาที่นัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคระหว่างเรอัล มาดริดพบกับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ซึ่งพูดได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงและมั่นใจแบบสุดๆ
กูรูหลายสำนักยกให้หงส์แดงเป็นทีมที่มีโอกาสจะคว้าแชมป์มากกว่าเรอัล มาดริด
เหตุผลที่คาดการณ์แบบนั้นไม่ใช่แค่เพราะลิเวอร์พูลมีฟอร์มที่ดีมากกว่าพวกเขายังมีสิ่งที่ค้างคาที่รอวันชำระมานานจากครั้งที่แพ้เรอัล มาดริดในรอบชิงชนะเลิศปี2018
โดยเฉพาะโมฮาเม็ด ซาล่าห์ที่ดูเก็บกดกว่าเพื่อนเพราะในนัดนั้นเจ้าตัวได้เล่นประมาณ30นาทีก็มาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำได้แค่เอาใจช่วยเพื่อนร่วมทีมข้างสนาม ประกอบกับความผิดพลาดส่วนบุคคลของรอลิส คาริอุสที่โยนบอลไปใส่ขาของคาริม เบนเซม่าแบบช็อคทั้งโลกแถมรับลูกยิงของกาเรธ เบล กระชอกเข้าประตูไปหน้าตาเฉย
โดยนัดชิงชนะเลิศในปีนี้ต้องเลื่อนเวลาการแข่งขันไปถึง36นาทีเพราะมีแฟนบอลที่ไม่มีตั๋วปีนรั้วสนามเข้ามาในสนามทำให้ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องใช้เวลาจัดการอยู่พักใหญ่
นั่นเป็นสัญญานว่านัดนี้มันสำคัญและมีความหมายมากมายขนาดไหนสำหรับทั้งสองทีม
เริ่มเกมทั้งสองทีมส่งนักเตะที่ดีที่สุดที่มีลงห้ำหั่นกันโดยรูปเกมเป็นทางหงส์แดงที่พับสนามบุกอยู่ข้างเดียวและมีโอกาสยิงแต่ยังไม่ดีพอที่จะผ่านมือของติโบต์ กูร์ตัว
ลิเวอร์พูลใช้เกมรุกที่พวกเขาถนัดคือโจมตีทางริมเส้นถ่างเกมรับของคู่ต่อสู้แล้วอาศัยจังหวะโจมตีช่องโหว่ตรงกลางหรือถ้าคู่แข่งหุบเข้าแดนในเยอะเกินไป เทรนด์และโรเบิตสันก็พร้อมเติมมาโจมตีทางด้านข้างทันที
ลิเวอร์พูลบุกอย่างหนักหน่วงหลายๆคนต่างคิดว่าไม่นานมาดริดคงต้านไว้ไม่อยู่แน่แต่สำหรับผมไม่คิดแบบนั้นเพราะผมเริ่มเห็นสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเกมนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
สิ่งนั้นคือการเกเก้นเพรซซิ่งที่ลิเวอร์พูลใช้บี้แนวรับและการขึ้นเกมบุกของเรอัล มาดริดซึ่งลิเวอร์พูลก็มักทำบ่อยๆกับคู่ต่อสู้เพื่อทำให้คู่แข่งลนลานและเสียการครองบอล
แต่สำหรับวันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆภาพก็ยิ่งชัดขึ้น
"มาดริดไม่กลัวเกเก้นเพรซซิ่ง"
ผมดูแล้วรู้สึกแบบนั้นจริงๆพวกเขากล้าเล่น กล้าส่งบอลเพื่อแก้การบีบบอลเร็วของลิเวอร์พูลโดยการช่วยของกองกลางที่เรียกได้ว่าโคตรเขี้ยวลากดินอย่าง โมดริช โครสและคาเซมิโร่
แม้แต่จังหวะที่ถูกบีบให้ต้องเตะเปิดยาวก็ยังเป็นการเปิดบอลที่มีคนมารับบอลเสมอคือทุกคนรู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะต้องทำอย่างไรและไปที่จุดไหนมันคือการเล่นที่มีแบบแผน
นั่นแสดงว่าเรอัล มาดริดพวกเขาซ้อมรับมือกับลิเวอร์พูลมาอย่างดีไม่ใช่แค่มารอสวนกลับเพียงอย่างเดียวแต่มาดริดสู้ในรูปแบบของตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีที่สุดแล้วผลลัพธ์ที่ดีจะตามมา
นัดชิงชนะเลิศนี้ทั้งสองทีมต่างเล่นได้ดีทั้งคู่ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวจะเป็นการตัดสินแพ้-ชนะในวันนี้
แล้วความผิดพลาดนั้นก็เกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลจุดเริ่มต้นก็มาจากความนิ่งของกองกลางเรอัล มาดริดที่เคาะบอลจนหาช่องให้วัลเบเด้หลุดไปครอสไปที่เสาสองโดยมีเวนิซิอุส จูเนียร์ เข้าชาร์จโดยเทรนด์ไม่ทันได้ระวังตัว
พอมาดริดได้ประตูขึ้นนำพวกเขาก็เล่นได้ตามแบบฉบับตนเองมากขึ้นคือไม่รีบร้อนและเน้นไม่เสียประตูไว้ก่อน
ทางฝั่งหงส์แดงลิเวอร์พูลก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเดินหน้าบุกเต็มสูบและมีโอกาสที่น่าได้ประตูตีเสมอหลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธโดยติโบต์ กูร์ตัว
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บมาดริดมาสามัคคีไล่บอลในจังหวะที่ลิเวอร์พูลรีบจะพาบอลขึ้นหน้าไปบุกทำให้นักเตะลิเวอร์พูลต้องเสียเวลาในการต่อบอลเพื่อแกะการเพรซซิ่งบอลของมาดริดแถมช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาก็มีการดึงฟาวล์แล้วเตะบอลทิ้งไปไกลๆเพื่อเผาเวลาไม่ให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้บุก
ผมดูก็อุทานในใจว่าอะไรมันจะเนี้ยบขนาดนี้พี่เอ้ย
แล้วนั่นก็เป็นแอคชั่นสุดท้ายก่อนกรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน
ความเขี้ยวของมาดริดมาเห็นได้ชัดมากที่สุดช่วงทดเวลาบาดเจ็บคือพวกเขาไม่ลนลานที่จะเล่นเกมรับแต่พวกเขามีแบบแผนที่จะรับมือมีแนวทางว่าจะเผาเวลาของลิเวอร์พูลที่เร่งรีบอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดซึ่งพวกเขาทำสำเร็จ
จบเกมส์ เรอัล มาดริด 1 - 0 ลิเวอร์พูล
แชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นของมาดริด
สำหรับลิเวอร์พูลพวกเขาเป็นผู้แพ้ที่ควรได้รับการเคารพอย่างที่สุดเพราะพวกเขาสู้อย่างเต็มที่ไม่ใช่เฉพาะแค่นัดนี้แต่พวกเขาเต็มที่มาตลอดฤดูกาลนี้
ลิเวอร์พูลไม่ได้เล่นแย่อะไรแค่แพ้ความเขี้ยวลากดินของเรอัล มาดริดแค่นั้นจริงๆ
ความโหดร้ายของฟุตบอลคือสุดท้ายฟุตบอลนับแพ้ชนะที่ประตูครับ
Bank Terry
โฆษณา