30 พ.ค. 2022 เวลา 13:01 • บันเทิง
สรุปรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศประจำรอบฉาย ณ วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 คือ Top Gun: Maverick ทำรายได้เปิดตัวไป 151 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และ อีก 109.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตลาดอื่นๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 260.6 ล้านเหรียญทั่วโลก
ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายควบคู่ไปกับต้องเรียก ว่า ชนสิ! ชนกับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง The Bob's Burgers Movie โดยขั้นต้นคาดว่าจะทำรายได้รวม 85–100 ล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เปิดตัวสี่วัน โดยบางสื่อคาดว่าจะสูงถึง 130 ล้านดอลลาร์
ท็อปกันฟ้าเหนือฟ้าภาคสองเปิดตัวฉายในโรงภาพยนตร์สูงถึง 4,732 โรง นับเป็นการเปิดฉายที่กว้างที่สุดตลอดกาล และสามารถทำเงินจากการฉายวันแรกไปสูงถึง 51.8 ล้านดอลลาร์รวมกับ 19.3 ล้านดอลลาร์จากรอบมิดไนท์ในคืนวันอังคารและวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยรายได้ข้างต้นที่ว่าถือว่าดีที่สุดสุดตลอดกาลสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือ เมมโมเรียลเดย์, ของครูซ และ ของพาราเม้าต์
นักการตลาดบางสำนักยังคาดการณ์ ว่า หนังน่าจะเปิดตัวได้ถึง 150 ล้านดอลลาร์
Top Gun: Maverick เข้าฉายในนิวซีแลนด์และแคนาดาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ตามมาที่สหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม และ ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม และสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาโดยมีการฉายล่วงหน้าประเดิมไปก่อน
เดิมทีมีกำหนดออกฉายในวันที่ 12 กรกฎาคม 2019 แต่ถูกเลื่อนออกไปเป็น 26 มิถุนายน 2020 เพื่อถ่ายทำฉากแอ็คชั่นที่ซับซ้อนหลายฉากใหม่ และ ถูกเลือนอีกครั้งภายในเดือนมีนาคม 2020 และ โดนโรคเลื่อนให้ย้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นเร็วขึ้นสองวันในวันที่ 24 มิถุนายน 2020
ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกเลื่อนอีกรอบไปที่ 23 ธันวาคม! เดชะบุญเนื่องด้วยการระบาดของ COVID-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักในสหรัฐในตอนนั้นทำให้โรงภาพยนต์ถูกปิดลงโดยประกาศขององค์การอนามัยโลก
กำหนดฉายใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2020 แต่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีอันต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็น ใน วันที่ 2 กรกฎาคม 2021 โดย ครูซ ยอมลดความเสี่ยงด้วยการเลื่อนหนังของตัวเองอีกครั้งเพื่อกันการชนกับ Mulan และ Tenet
โดยในสัญญาว่าจ้าง ทอม ครูซ นั้น…ครูซสามารถเลือกวันเปิดหนังได้ โดยนัยนสำคัญ ว่า หนังของเขาต้องไม่ฉายชนกับคู่แข่ง หรือ ของตัวเองจนเกินไป เพราะ นั่นจะกระทบกับรายได้ และ ลดค่าความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขา
แต่ แล้วเนื่องจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น หนังจึงถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ก่อนจะสิ้นสุดได้ฤกษ์ฉายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ที่ ผ่านมา
ถึงตรงนี้มีรายงานว่า Netflix, Apple TV+ และ HBO Max พยายามขอซื้อสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์ แต่ พาราเม้าท์ แม้นว่าจะเข้าเนื้อมาหลายเรื่อง แต่ รู้ว่ามีของดีอยู่ในมือ และ อาจจะรวมถึงสัญญา ที่ ทอม ต้องรู้ ว่า จะเอาหนังของเขาไปขายตรงไหนจึงปฏิเสธที่จะขาย แม้น ว่า การเลื่อนแต่ละครั้งจะทำให้บริษัทสูญเงินมากถึง ล้านดอลลาร์ต่อครั้ง แต่ พาราเม้าท์ ก็ ไม่เอาพิมเสนไปแลกเกลือหรือเลือกกำขี้ดีกว่ากำตด
เมื่อข่าวรั้วออกไป ว่า มีการขอซื้อจากนู่นนี่นั่น ทอม ก็ ตอบอย่างนักพับบริคซิ้สที่เจนงาน ว่า “หนังของผมเรื่องนี้ไม่มีทางเลือกอื่นและภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดหมายปลายทางเดียว คือ ได้ฉายบนจอเงิน”
ในรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เมืองคานส์ ครูซยังปฏิเสธว่าภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังจะสตรีม และ ยืนยัน ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายใน Paramount+ แน่ๆ แต่ ต้องหลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปแล้วมากกว่า 45 วัน!!!!
พาราเม้าต์พลัสก็มา…
ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่ CinemaCon เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2022 ตามด้วยรอบปฐมทัศน์โลกที่จัดขึ้นที่โรงละครซานดิเอโกซีวิคในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งได้รับการสตรีมสดผ่าน YouTube
นอกจากนี้ยังฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมในรอบสายโชว์และถูกคัดเลือกให้ฉายอย่างเป็นทางการ ซึ่งภาพยนตร์ได้รับการปรบมือจากผู้ชมเป็นเวลาห้านาที
การฉายรอบปฐมทัศน์ของ Cannes ทำ ครูซ ได้รับรางวัล ไลฟ์ไทม์อะชีพเม้นต์ จาก อาชีพการแสดงของเขา ในขณะ ที่ วันรุ่งขึ้นมีการฉายรอบปฐมทัศน์ในจัตุรัสเลสเตอร์ของลอนดอนพร้อมกับบรรดานักแสดงโดยมีเจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เสด็จ ใน รอบปฐมทัศน์
เอาเป็นว่าเบ็ดเสร็จตอนนี้ คือ ท็อปกัน:มาเวอร์ริคทำเงินได้จากการฉายสี่วันไปประมาณ 151 ล้านดอลลาร์ ในสหรัฐฯ และ แคนาดา และ อีก 109.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตลาดอื่นๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 260.6 ล้านเหรียญทั่วโลก เปิดตัวในอันดับที่ 1 ในยูเอสบ็อกซ์ออฟฟิศ
และ ทำสถิติใหม่เกือบสองเท่าให้ ทอม ครูซ ได้เรื่อง ท็อปกัน:มาเวอริค เป็น ผลงานเปิดตัวสูงที่สุด มากกว่าผลงานก่อนหน้าเคยเปิดตัวไว้ที่ 64.9 ล้านดอลลาร์ กับ ผลงาน War of the World เมือเดือนมิถุนายน 2548 พุ่นน่ะ
อีกนิด: รีวิวจากผู้ชมคือดีมากแม้นแต่ผู้ชมที่ไม่เคยเขียนรีวิวยังรีวิวถึง ท็อปกัน:มาเวอริค โดยครึ่งหนึ่งเป็นผู้ชมที่ไม่เคยดูภาคหนึ่งด้วยซ้ำ ส่วนตัวกระผมเอง ได้ชมเรื่อง ท็อปกัน:ฟ้าเหนือฟ้าแบบเต็มๆตอนเรียน ม.4 อายุ แค่ 16 เองทั้งที่จริงๆหนังฟ้าเหนือฟ้าเข้าฉายตอนครูหนุ่ยเพิ่ง จะ 10-11 ขวดเอง…ตอนนั้นจำได้ว่าแม่ชอบเปิดเพลง Take My Breath Away เวลาขับรถพาไปนั่นนู่นนี่
โฆษณา