หลังจากที่สหภาพ EU มีมติเมื่อวานนี้ แสดงถึงความแตกแยกในสหภาพ EU ชัดเจน มติที่ร้องขอให้ทำการลดการพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียให้เหลือ 2 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่รวมฮังการีสโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก แต่ทุกอย่างก็ไม่แน่ว่าจะใช้มตินี้ได้จนถึงสิ้นปีหรือไม่
2
นักวิเคราะห์ จากทางยุโรปส่วนใหญ่จะให้ น้ำหนักไปว่าทางสหภาพ EU ต้องการแก้ไขปัญหาของความสามัคคีจากภายใน EU ด้วยกันเองโดยการอะลุ่มอล่วยให้ทั้งฝ่ายต้องการที่จะแบนและฝ่ายที่ไม่ต้องการที่จะแบนให้ไปร่วมกันได้
และมติฉบับนี้ที่ออกมายังเป็นการลดแรงกดดันจากภายนอกที่ทางสหรัฐพยายามจะให้ทาง EU ออกมติแซงชั่นทางด้านพลังงานให้กับรัสเซียรวมถึง แก้ปัญหาภายในของบางประเทศที่มีประชาชนบางส่วนต้องการให้ทางรัฐบาลตนเองขับเคลื่อนมติให้ไปในทางเดียวกันกับของคณะกรรมาธิการสหภาพ EU
1
ทั้งนี้ทางนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกหลายคนได้ให้ความเห็น ว่ารายละเอียดของการที่จะแซงชั่น พลังงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นการให้ระยะเวลา สหภาพ EU ในการแก้ไขปัญหาและลดแรงกดดันจากภายในและภายนอกให้กับทางยุโรป เพื่อที่จะได้ตัดสินใจอีกทีก่อนจะถึงสิ้นปี
หลายคนไม่เชื่อว่าทาง EU จะสามารถปฏิบัติตามฉันตามมติฉบับนี้ได้ และค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามติฉบับนี้เป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองระยะสั้น และรักษาหน้าให้กับฝ่ายที่ต่อต้านรัสเซียแบบจริงจังเท่านั้น
การออกมติฉบับนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการแตกแยกในประเทศในสหภาพ EU ค่อนข้างมากเพราะ ตอนก่อนเข้าประชุมเพื่อขอมติทาง ประธานาธิบดีของฮังการียังบอกว่าไม่มีข้อตกลงอะไรทั้งนั้น อย่าเพ้อฝัน แต่สมาชิกอีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องไปสนใจอะไรกับฮังการีมากนักในเรื่องนี้เดี๋ยวเราก็มีทางออกเอง
สุดท้าย มติที่ออกมาก็ไม่มีอะไรชัดเจนมากมายนอกจากเป็นแค่มติคร่าวๆเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง ภายใน EU เท่านั้น มีหลายอย่างยังไม่ได้ข้อสรุปแม้มติฉบับนี้จะออกมาแล้วก็ตาม
จากมติดังกล่าวทำให้หลายประเทศใน EU ต้องซื้อน้ำมันแพงกว่าทางฮังการี สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก อย่างเช่นเนเธอร์แลนด์และเบลเยียมซึ่งจะต้องได้รับน้ำมันแพงกว่าประเทศฮังการี ซึ่งความไม่เท่าเทียมนี้ทางประธานคณะกรรมการ EU บอกว่า ยังไม่มีหนทางแก้และจะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป
1
the important point was to not unfairly burden certain EU members, adding that "this exact question has not yet been solved
European Commission President Ursula von der Leyen
ทางนักวิเคราะห์ได้ขอให้จับตาว่าช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนนั้นมติดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะจะเป็นช่วงที่ทาง สงครามระหว่างประเทศกับยูเครนในภาพชัดเจนขึ้นและภาพความเสียหายของทางเศรษฐกิจใน EU ที่เกิดจากผลกระทบทางด้านอาหารและพลังงานก็จะเริ่มชัดเจนขึ้นก่อนที่จะเข้าหน้าหนาว ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำมาประเมินอีกทีในช่วงเดือนสิงหาคม
เพราะหากทาง EU พบกับสภาพล้มเหลวทางเศรษฐกิจอย่างที่ทางประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูตินได้คาดการณ์ไว้ เพราะขณะนี้อัตราเงินเฟ้อในยุโรปเกือบทุกประเทศสูงเกินกว่า 8% ทั้งหมดแล้ว และกำลังจะสูงขึ้นอีกจากราคาน้ำมันที่มีผลหลังจากมติการให้เริ่มหยุดสั่งพลังงานจากรัสเซียฉบับนี้ นั่นก็อาจจะเป็นจุดที่ทำให้ทางสหภาพ EU กลับมาพลิกมติฉบับนี้อีกครั้งหนึ่ง
และสิ่งที่สำคัญอีกประการก็คือการอนุมัติงบประมาณเพื่อให้ทางสหภาพ EU สามารถปฏิบัติได้ตามฉันตามมติฉบับดังกล่าว
EU ได้ทำแผนงบประมาณคร่าวๆสำหรับการลดการพึ่งพาน้ำมันให้เหลือ 2 ใน 3 ไว้แล้ว แต่กำหนดการในการจัดสรรงบประมาณนี้ก็จะเริ่มกันตั้งแต่หลังเดือนสิงหาคม
นาง Ursula van der Leyen ประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป หรือ EU ให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อช่วงที่ผ่านมาว่า แผนดังกล่าวมีระยะเวลา ที่จะ ลงทุนและเห็นผลในช่วง ปี 2030 เพื่อจะปลดแอกจากการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
โดย EU จะเริ่มแบนถ่านหินจากรัสเซีย ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะพยายาม และจะพยายามลดการพึ่งพาน้ำมันให้เหลือเพียง 2 ใน 3 ที่เราใช้อยู่ในขณะนี้ให้ทันช่วงปลายปีนี้ให้ได้
นาง Ursula กล่าวว่า 'REPowerEU เป็นแผนงานระยะยาวเพื่อลดการใช้พลังงาน และหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น ซึ่งแผนงานนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการลดการพึ่งพาการใช้พลังงานฟอสซิลและเป็นการเริ่มต้นการลงทุน ขนาดใหญ่สำหรับกลุ่ม EU เพื่อที่จะให้ถึงเป้าหมาย European Green
งบลงทุนที่ดูไว้สำหรับ REPower EU ตั้งงบไว้อยู่ประมาณ 3 แสนล้านยูโร โดยจะเป็นการกู้สักประมาณ 2.25 แสนล้านยูโร
ซึ่งจากแผนดังกล่าว ไม่มีทางที่ทางทุกประเทศใน EU จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะการแบกหนี้มากขึ้น เนื่องจากแผนดังกล่าว 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ถึง 80% เป็นการกู้ยืมทั้งนั้น
แต่หากทางเศรษฐกิจภายใน EU มีปัญหาก่อนถึงเดือนกันยายนนั่นหมายความว่าแผนงานทุกอย่างอาจจะต้องเลื่อนออกไปเพราะต้นทุนการเงินจะสูงกว่าสิ่งที่ควรจะเป็นมากเกินไป
ทั้งหมดคือแผนงานของทางคณะ กรรมาธิการของสหภาพ EU วางแผนไว้ที่จะใช้จ่ายงบประมาณ หากแผนนี้ได้รับการอนุมัติจากกลุ่มประเทศสมาชิก สหภาพ EU มีแผนที่จะลงทุน มากถึง 300,000 ล้านยูโรเพื่อที่จะลด การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลจากรัสเซีย
สืบเนื่องจากเหตุผลด้านสภาพอากาศของภายในยุโรปเองซึ่งจะกลับเข้าหน้าหนาวภายในเดือนตุลาคม ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการปฏิบัติจริงจากทางกลุ่มสหภาพ EU นั่นก็หมายความว่าฉันทำมติฉบับนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับและแก้ไขหรือยกเลิกในภายหลัง
และสงครามระหว่างยูเครนกับทางรัสเซียซึ่งหลายฝ่ายคาดหมายว่าจะจบได้ภายในเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม อาจจะ เป็นอีกปัจจัยที่ ทำให้ทางสหภาพ EU อาจจะกลับหรือเปลี่ยนแปลงมติฉบับนี้
เพราะเนื่องจากประเทศใหญ่ๆที่เป็นคนคอยคุมเสียงสหภาพ EU อย่างเยอรมันและฝรั่งเศสหากยังไม่สามารถพบทางออกในเรื่องพลังงานได้ก็จะสามารถแจ้งในที่ประชุมให้เปลี่ยนแปลงมติฉบับนี้หรือออกมติฉบับใหม่เกี่ยวกับทางด้านพลังงานได้อีกที