31 พ.ค. 2022 เวลา 13:20 • บันเทิง
Tsathoggua เทพคางคกและเหล่าสมุน Formless Spawn
เรื่องราวในวันนี้เป็นของผู้นักเขียนนามว่า Clark Ashton Smith ที่ภายหลังเรื่องราวของจักรวาลนี้ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับจักรวาลของ H.P. Lovecraft โดยในวันนี้จะเป็นเรื่องสั้นที่มีชื่อว่า The Tale of Satampra Zeiros เรื่องราวที่เปิดเผยที่มาที่ไปของ Tsathoggua เทพคางคกและเหล่าสมุน Formless Spawn
The Tale of Satampra Zeiros
Clark Ashton Smith, 1931
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของชายผู้มีนามว่า ซาทัมปรา ไซรอส (Satampra Zeiros) ซึ่งเกี่ยวกับการผจญภัยของเขาและสหายนามว่า ไทรูฟ ออมพัลเลียส (Tirouv Ompallios) ที่วิหารของเทพซาธอกกวา (Tsathoggua) ซึ่งทั้งคู่เป็นหัวขโมย จาก อูซุลดารุม (Uzuldaroum) และกำลังวางแผนที่จะเดินทางบุกเข้าไปในนครเก่าที่เรียกว่า คอมโมเรียม (Commoriom) เพื่อปล้นทรัพย์สินมีค่า
ไซรอส ได้เล่าไว้ในบันทึกว่า คอมโมเรียม คือนครเก่าที่เคยรุ่งเรืองและเป็นเมืองหลวงของ ไฮเปอร์บอเรีย (Hyperborea) แต่ถูกทิ้งร้างเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อน เพราะคำพยากรณ์ของเทพีพยากรณ์แห่งโพลาเรียน (The White Sybil of Polarion) ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ใครก็ตามที่หาญกล้าอาศัยหรือค้างแรมอยู่ยังคอมโมเรียมแห่งนี้จะต้องเผชิญกับหายนะอันน่าสะพรึง”
เหล่าผู้ที่เคยได้อาศัยอยู่ยังคอมโมเรียมก็ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในเมืองหลวงใหม่ที่เรียกว่า อูซุลดารุม ซึ่งเป็นเมืองที่โจรทั้งสองอาศัยอยู่
ทั้งสองได้เดินทางบุกป่าเข้าไปสู่ซากที่เหลืออยู่ของคอมโมเรียมที่ถูกทิ้งร้าง และได้พบเจอกับวิหารของซาธอกกวา ไซรอสได้เล่าไว้ว่ามันเป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟสีดำ และถูกเคลือบคลุมไว้ด้วยรา
มันมีสภาพเก่าแก่เสียยิ่งกว่าเมืองที่ถูกทิ้งร้างโดยรอบ เป็นสิ่งก่อสร้างทรงเหลี่ยมที่ไม่มีโดม ไม่มียอดแหลม หรือแม้แต่เสา จะมีก็เพียงแต่หน้าต่างบานเล็กๆ ที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือจากผืนดิน ไซรอสก็รู้โดยทันทีว่ามันคือวิหารอันเก่าของซาธอกกวา เทพที่ถูกลืมและไม่มีใครบูชาแล้วในยุคปัจจุบัน
ภายในวิหารแห่งนี้ โจรทั้งสองได้พบเห็นอ่างสัมฤทธิ์ขนาดมหึมากับภาพแกะสลักของซาธอกกวา ไซรอสได้อธิบายเอาไว้ว่าเจ้าเทพตนนี้แลดูไม่น่าจะเป็นเทพที่ถูกบูชาได้ มันเป็นเทพที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยและท้องป่อง หน้าตาคล้ายกับอสูรคางคกมากกว่าจะเป็นเทพ ร่างกายถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยขนสั้นๆ ตากลมๆ ของมันแลดูคล้ายกับคนกึ่งหลับกึ่งตื่น และมีลิ้นที่ยื่นออกมาจากริมฝีปากอ้วนหนา
โจรทั้งสองพบว่าภายในวิหารนี้ไม่มีของมีค่า พวกเขาก็เลยย้อนกลับมาสนใจอ่างสัมฤทธิ์ใบใหญ่ มันเป็นอ่างอ้วน ๆ ที่ขอบสูงประมาณระดับไหล่ของผู้ชายตัวใหญ่ เมื่อพวกเขาชะเง้อหน้าลงไปมองก็พบว่า ภายในนั้นมีสสารประหลาดคล้ายของเหลวสีดำ และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ
สสารประหลาดได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวเป็นรูปร่าง และได้ออกไล่ล่าโจรทั้งสองไปทั่วอย่างไม่ลดละ ทั้งคู่พยายามที่จะหนีเข้าป่า แต่เจ้าอสุรกายก็ยังตามล่าพวกเขาได้ทัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็พบว่า ตนถูกเจ้าอสุรกายไล่ต้อนกลับมายังวิหารของซาธอกกวา พวกเขาจึงตัดสินใจหนีเข้าไปหลบข้างในนั้น
ไซรอสเลือกที่จะไปหลบที่ด้านหลังรูปซาธอกกวา ส่วนเพื่อนของเขาก็ปีนไปหลบในอ่างสัมฤทธิ์ เจ้าอสูรกายที่มุดผ่านประตูเข้ามาสำเร็จก็ได้จัดการกับไทรูฟ ออมพัลเลียสที่เข้าไปหลบอยู่ในอ่างก่อน ในจังหวะที่เจ้าอสูรกายกำลังย่อยเหยื่อ ซาทัมปรา ไซรอสจึงฉวยโอกาสหนี เขาเกือบที่จะถูกอสุรกายจับตัว แต่ก็รอดมาได้ โดยเสียมือไปหนึ่งข้าง
และนี่คือครั้งแรกที่มีคนเอ่ยถึงชื่อ เทพซาธอกกวา (Tsathoggua) ส่วนเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคุณ Clark Ashton Smith และ H.P. Lovecraft จะเป็นอย่างไร
สามารถติดตามรับฟังฉบับเต็มต่อได้ที่: https://bit.ly/3M2BIAn
#TimeToPlayPodcast ​​​
#plutomysteryclub
#missiontoplutopodcast ​​​
โฆษณา