2 มิ.ย. 2022 เวลา 16:55 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"Saving Private Ryan" 1998
เมื่อพลทหารไรอันต้องสูญเสียพี่น้องทั้งหมดในสงคราม
ทหาร 8 นายจึงต้องตามหาไรอันเพื่อพาเขากลับบ้านให้ได้
ในภารกิจฝ่าสมรภูมินรกที่เข้มข้นชวนน้ำตาซึม
Saving Private Ryan
ภาพยนตร์สงคราม-ดราม่าฟอร์มยักษ์ ที่ทำรายได้สูงสุดแห่งปี ผลงานกำกับของ Steven Spielberg ที่แต่ละเรื่องของแกไม่ธรรมดาทั้งนั้น ครั้งนี้เขาได้นำเสนอเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งได้กลายเป็นหนังสงครามที่ทรงอิทธิพล ถูกกล่าวขานมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงและกวาดรางวัลไปมากมาย
หลังจากเหตุการณ์บุกขึ้นหาดโอมาฮาในวัน D-Day ร้อยเอกจอนห์ มิลเลอร์ (Tom Hanks) ได้รับภารกิจสำคัญให้ไปตามหาพลทหาร เจมส์ ไรอัน (Matt Damon) ลูกชายคนสุดท้ายของครอบครัวไรอันเพื่อพาตัวกลับบ้าน เพราะพี่น้องคนอื่นได้เสียชีวิตในสงครามหมดแล้ว มิลเลอร์จึงต้องพาทีมทหาร 8 นาย บุกตะลุยฝ่าใจกลางสงคราม เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ท่ามกลางความกังขาของลูกทีมว่าทำไมต้องเอาชีวิตคนเกือบสิบไปเสี่ยงชีวิตเพื่อพลหทารแค่คนเดียว
สมกับที่เป็นสุดยอดหนังสงครามที่ไม่ควรพลาด แค่ฉากเปิดยกพลขึ้นบกก็อลังการสุดๆ ทั้งปืน ทั้งระเบิด ตายเป็นตาย เรียกว่าจัดเต็มทั้งความโหดและความสมจริง ฉากนี้ฉากเดียวก็ทำให้เห็นถึงความรุนแรงและการสูญเสียเอาซะขยาดสงครามไปเลย
หนังได้ดาราดังมากมายมาร่วมแสดง นำทีมโดย Tom Hanks, Edward Burns, Barry Pepper, Vin Diesel, Tom Sizemore, Jeremy Davies, Giovanni Ribisi และ Adam Goldberg ที่เป็นทีมทหาร 8 นาย ที่ครบเครื่อง แม้ตัวละครจะดูเยอะ แต่นักแสดงทุกคนต่างมีคาแรคเตอร์ของตัวเองที่ชัดเจน พอดูผ่านไปไม่นานก็เริ่มจะจำได้
และยังได้ Matt Damon นำแสดงในบทพลหทารไรอัน และยังมีนักแสดงสมทบเด่นๆอีกมากมาย เช่น เฮีย Bryan Cranston (ก่อนจะดังเป็นพลุแตกใน Breaking Bad) และ Ryan Hurst ในบทนายหทารหูตึง (โอปี้ จาก Sons of Anarchy)
แม้จะเป็นหนังสงครามที่ประเคนความมันส์ของฉากแอ็คชั่นได้อย่างถึงทรวง แต่ก็ยังเข้มข้นไปด้วยดราม่า ความโหดร้ายที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอด ไม่รู้เลยว่าจะตายเมื่อไหร่ ตรงนี้เล่นเอาน้ำตาซึมไปหลายฉาก
หนังยังพูดถึงประเด็นของความเป็นมนุษย์ สอดแทรกข้อคิด การตัดสินใจไว้ตลอดทั้งเรื่อง ทหารทุกคนล้วนมีแม่ให้ต้องกลับไปหา ทำไมถึงต้องเป็นไรอัน ตรงนี้เองก็ตั้งคำถามให้แก่คนดูเช่นกัน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ คนที่เจ็บปวดใจที่สุดคงไม้พ้นผู้กองมิลเลอร์ (Tom Hanks) ที่ต้องแบกรับภาระและรับผิดชอบชีวิตของลูกทีม
ภายใต้ความหนักหน่วงและความกดดันของหนัง ผู้กำกับสปีลเบิร์กยังคงทิ้งลายเซ็นไว้ด้วยการสอดแทรกมุกตลกไว้ตลอดทั้งเรื่อง เป็นความขัดแย้งที่ลงตัว กลมกล่อม และ สมจริง จริงๆทหารก็เป็นแค่คนธรรมดาๆทั่วไป มีอารมณ์ขัน ทุกคนไม่มีใครอยากมาตาย มุกตลกในเรื่องจึงเหมือนกับการปลงในชีวิตต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตรงนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ คอยบาลานซ์หนังไม่ให้ดูหนักและหดหู่เกินไป
ทั้งการเปิดเรื่อง การปูบทตัวละคร เรื่องราวระหว่างทาง ไปจนถึงฉากจบที่ยิ่งใหญ่ทรงพลัง ทุกอย่างมันคือมาสเตอร์พีช ที่สุดในองค์ประกอบ ทั้งภาพและเสียง ราวกับดึงคนดูให้ร่วมเดินทางสัมผัสเหตุการณ์ไปพร้อมกับตัวละคร นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไม Saving Private Ryan ถึงได้กลายเป็นตำนาน เป็นหนังสงครามคุณภาพชั้นดีที่อยากแนะนำว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
โฆษณา