2 มิ.ย. 2022 เวลา 17:53 • ความคิดเห็น
เมื่อความดูแคลนปรากฎขึ้นแก่จิตผู้ปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรมรักษาศีล แล้วดูแคลนคนไม่รักษาศีล
ปฏิบัติธรรมในรูปแบบได้นานๆแล้วดูแคลนคนที่ทำไม่ได้นานเช่นตน
ปฏิบัติธรรมแล้วเชื่อในสิ่งที่ตนฟังมารู้มา ใครเห็นต่างแล้วผิดหมด
ปฏิบัติธรรมแล้วตัวยิ่งโต ความยึดถือยิ่งมาก
สิ่งเหล่านี้ คือ "กับดัก"
ที่ต้นเหตุเกิดขึ้นจากการมองคนอื่นเป็นคู่แข่ง จนต้วตนที่อยากเอาชนะได้กลายเป็นสาวกของกิเลสและถูกกิเลสพาเดินออกนอกทางไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ตั้งจิตวางจิตผิดแล้ว
การปฏิบัติธรรม
แปลตรงไปตรงมาคือ
การเห็นความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของตนเอง
ยิ่งเห็น ยิ่งเข้าใจ ว่าไม่มีตัวตนตั้งอยู่ตรงไหนจริง
ยิ่งเห็นธรรมชาติและความจริง ก็ยิ่งมีเมตตา ยิ่งเข้าใจความทุกข์ และอยากช่วยเหลือสัตว์ให้ออกจากกองทุกข์
มันไม่ใช่การแข่งกับใคร ไม่ได้แข่งแม้กับกิเลส ไม่ต้องฝืนใจทำความดีอะไรทั้งสิ้น (หากเข้าถึงสาระที่แท้จริงแห่งธรรมจริงๆ)
มันคือภาวะการเห็นตามจริงจนเกิดปัญญา
และเห็นแม้กระทั่งว่าปัญญาก็ไม่ใช่เรา
สภาพจิตที่ไปรวมกับธรรมชาติ
ไม่มีเราอยู่ในนั้น ไม่มีเราอยู่ตรงไหนตั้งแต่แรก
ฉะนั้นแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการแข่งกับใคร
เมื่อไม่มีเรา
ก็ไม่มีการแข่งขัน
เมื่อไม่มีการแข่งขัน
ก็ไม่มีใครแพ้ชนะ
มีแต่การเข้าใจสิ่งต่างๆ ว่าเป็นเช่นนี้ เพราะมีเหตุปัจจัยเช่นนี้
สภาพธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
เป็นสิ่งที่ปรากฎโทนโท่อยู่ตลอดเวลา
ในกาย และจิตนี้
และรู้ได้จากการเห็นกาย ความรู้สึก สภาพจิต และสภาวะธรรมไปเรื่อยๆ
คือการดูที่มีศิลปะ
ดูโดยไม่ตัดสิน
ดูไปเรื่อยๆ เหมือนนักวิจัยที่สังเกตธรรมชาติ แล้วจะค่อยๆได้คำตอบเอง
จงรู้เท่าทันความอยาก
อยากเมื่อไหร่ ก็มีตัวตน มีตัวตนเมื่อไหร่ ก็ปฏฺิบัติธรรมแบบมีตัวตน และมีความยึดถือแบบผิดๆ และเป็นไปเพื่อหนักขึ้น
มันตรงข้าม กับการวางสิ่งหนักๆทิ้งไปโดยสิ้นเชิง
♥️
ป้อง
โฆษณา