5 มิ.ย. 2022 เวลา 10:41 • ไลฟ์สไตล์
วันแรกที่ ปลูกชา ในพื้นที่ของตัวเองที่จังหวัดตรัง
หลังจากที่งานอดิเรก กลายมาเป็นงานประจำ เป็นโมเม้นท์ที่ข้างในเปลี่ยนไปมาก ๆ เนื่องจากในตอนเริ่มต้นการดื่มชาเป็นเหมือนการผ่อนคลายจากการทำงาน และเป็นกิจกรรมที่ไม่มีความกดดันใดๆ จะดื่มวันไหน จะชงออกมาอร่อยหรือไม่ ใบชาดันเก็บไม่ดี เอ้ามีกลิ่นแปลกปลอมเข้าไปปน น้ำชงออกมากระด้างหน่อย สารพัดเรื่อง ก็ไม่เป็นไร เพราะชงเองดื่มเอง ประมาณว่าให้อภัยตัวเองได้ และถ้าไม่อยากดื่ม ก็เพียงแค่เททิ้ง แล้วค่อยว่ากันใหม่
แต่เมื่อกลายมาเป็นงานประจำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกอย่างจะใช้คำว่าไม่เป็นไรช่างมัน ไม่ได้ ทุกอย่างที่ออกไปถึงลูกค้าแปลว่าผ่านการตรวจสอบแล้วว่าดี และต้องดีตามมาตรฐาน
ก่อนจะเปิดร้านน้ำชา ตั้งใจว่าจะเดินทางไปดื่มชา ชิลล์ ชิลล์ ตามความชอบไปเรื่อยๆ มีเวลาเมื่อไหร่ มีโอกาสตอนไหนก็ไป เรื่อยๆ แต่เมื่อคิดว่าจะเปิดร้านน้ำชา สิ่งแรกที่ทำคือ ค้นหาว่ามีร้านน้ำชาในประเทศไทยนี้ที่ไหนบ้าง และเริ่มแพลนที่จะออกเดินทางไปดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้านแบบเทรดดิชั่นนอล หน่อย หรือว่าจะเป็นร้านแบบฝาหรั่ง ก็ต้องไปให้หมด
ดังนั้น ในตอนที่เปิดร้านน้ำชา ข้าพเจ้าจึงเก็บแต้มการดื่มพอตัวอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาเปิดร้านน้ำชาแล้วจริงๆ ก็ยังตั้งเป้าไว้ว่า จะต้อง เน้น จะต้อง! ไปเรียนรู้เรื่องชาและเรื่องที่เกี่ยวข้อง ปีละ 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม และเราก็ได้ทำตามนั้นด้วย จนถึงก่อนโควิด
ครั้งที่เป็นจุดสนับสนุนที่ดีมากๆ คือ ครั้งที่ได้ไปเจอกับ อ.โต ที่เชียงราย ครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับคนที่คิดว่าใช่ (อุ๊ย!Xx0) และเป็นคนที่น่ารักสม่ำเสมอ เราเริ่มไม่คุยแค่เรื่องวิธีการทำชา แต่ขยับไปจนถึงถาม อ.คุณโต ว่า พี่คงไม่สามารถเดินทางทำชาได้ทั้งปี ทำยังไงพี่จึงจะมีใบชาไว้ได้ทำทั้งปี พี่จะปลูกที่ตรังได้มั้ย >> ผมว่าปลูกได้นะพี่ ที่จังหวัดตรัง แล้วทุกที่ก็ต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
ครั้งนั้น ผ่านมาก็เกือบสามปี กว่าจะได้ลงมือปลูกอย่างจริงจัง ที่ฟาร์มถุงพร้อมสุข ฟาร์มที่เราตั้งใจจะทำเกษตรธรรมชาติ เอาไว้กินผัก กินหญ้า เริ่มต้นไม่มีเป้าหมายที่จะมีต้นชาอยู่ในพื้นที่
แต่ตอนนี้ ต้นชาเริ่มออกดอก ผลิใบ ลั้นลาอยู่ในแปลงอย่างสนุกสนาน เพราะว่า เราไม่ได้ปลูกเชิงพาณิชย์ แต่เราปลูกเชิงมั่วนิ่ม ถ้าจะเรียกให้เท่ห์คงต้องแบบผสมผสาน คือ ในพื้นที่ตรงนั้น มีดอกไม้ หลายอย่าง มีพืช นานาชนิด ที่ปลูกง่ายและตายไม่ยาก
ปลูกชาครั้งแรก @ย่านตาขาว
และแล้ว ช่วงปลายๆเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ต้นชาล็อตแรกก็ได้ลงปลูกที่อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง จำนวนเพียงแค่ 70 ต้น โดยประมาณ เพราะเป็นการทดลองปลูกว่าจะไปได้มั้ย คนสวนของเราจะดูแลได้หรือเปล่า น้องๆจะทนสภาพความเปรี้ยงของแดด และการไม่มีต้นไม้ใหญ่ได้มั้ย ผลออกมา ตายไป ยี่สิบ
แต่พวกคุณรู้มั้ย ตลอดเวลาที่ลงต้นชา และในเวลาที่เข้าไปในสวนแล้วไปเห็นใบชา หัวใจมันระริกระรี้ เข้าใจเลยว่ากระดี่ได้น้ำเป็นแบบไหน ยิ่งตอนที่เห็นดอกชาที่บานในสวนตัวเองเป็นครั้งแรก ยิ่งรู้สึกได้เลยว่า FINALLY!!!!!!
นอกจาก อ.คุณโต สุดหล่อแล้ว ก็ต้องขอบคุณ ท่านประธานหมี ที่สนับสนุนเช่นเดียวกัน ด้วยประโยคแบบเดียวกันคือ “ ที่ไต้หวันยังปลูกริมทะเลสาบได้เลยพี่ ที่ตรังต้องปลูกได้สิ” ได้ยินดังนั้นก็นึกเลยว่า เออจริงแฮะ เราก็ไปไต้หวันมาแล้ว ต้องลองสักตั้ง
เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใบชา แต่เป็นเรื่องของจิตใจ และความท้าทายที่เราทุกคนจะต้องเจอกับตัวเอง ไม่ว่าช่วงไหนของชีวิตข้าพเจ้าคิดว่าต้องมีสักครั้งที่คนเราต้องเจอ ช่วงที่เราต้องคิดว่า ทำไม่ทำ ใช่ไม่ใช่ ดีไม่ดี ลุยหรือถอย บ้าหรือปกติสามัญ ฯ
บางที ต้นชาที่กำลังเติบโตอยู่ในฟาร์มถุงพร้อมสุขของเรา อาจจะเป็นแค่ตัวแทนของความกล้าหาญที่หล่อเลี้ยงด้วยความรัก ก็เท่านั้นเอง
โฆษณา