ฟลอยด์ เบรดโซมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อว่าทอมซึ่งอายุมากกว่าเขา 2 ปี สองพี่น้องไม่ค่อยจะสนิทกันนัก และฟลอยด์ก็รู้สึกได้ว่าพ่อแม่นั้นรักพี่ชายมากกว่าตัวเขา
ครอบครัวเบรดโซอาศัยอยู่ในรัฐแคนซัสและมีอาชีพทำไร่ แต่ฟลอยด์ได้ออกจากบ้านไปตอนอายุ 18 ปีและไปทำงานอยู่ในฟาร์มโคนมที่อยู่ห่างจากบ้านออกไปประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งฟลอยด์ก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาไม่บ่อยนัก
เมื่อฟลอยด์มีอายุได้ 23 ปีเขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มีชื่อว่าไฮดี สองสามีภรรยามีลูกชายด้วยกันสองคน ต่อมาน้องสาวของภรรยาที่มีชื่อว่าคามิลล์ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับพวกเขา คามิลล์ยังเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 1999 คามิลล์ได้หายตัวไปจากบ้าน ฟลอยด์และภรรยาออกตามหาเธอตั้งแต่เย็นจนถึงค่ำแล้วเลยไปถึงรุ่งเช้า แต่ก็ยังไม่เจอตัวเด็กสาว
เช้าวันจันทร์ตำรวจก็พบศพของคามิลล์ ตำรวจจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เข้ามามอบตัวและสารภาพว่าเป็นคนข่มขืนและยิงเธอจนเสียชีวิต คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือทอม พี่ชายของฟลอยด์นั่นเอง
ศพของคามิลล์ถูกฝังเอาไว้ในหลุมตื้น ๆ ซึ่งอยู่ในไร่ของครอบครัวแบรดโซ ทอมเป็นคนพาตำรวจไปยังจุดที่เขาฝังศพเหยื่ออเอาไว้
สองวันถัดมา ตำรวจก็มาเชิญฟลอยด์ไปทดสอบกับเครื่องจับเท็จซึ่งเขาก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี แต่ผลหลังจากนั้นกลายเป็นว่าเขาไม่ผ่านการทดสอบ ตรงข้ามกับพี่ชายของเขาที่สามารถผ่านไปได้
ตอนนี้ฟลอยด์กลับตกเป็นคนร้ายเสียเองแล้ว เขาถูกส่งไปขังคุก ส่วนพี่ชายของเขาถูกปล่อยตัวออกมา ในเวลาต่อมาฟลอยด์ก็ถูกภรรยาฟ้องหย่า
หกเดือนต่อมาฟลอยด์ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนในชั้นศาล ทอมถอนคำสารภาพที่ได้ให้ไว้ในตอนแรกโดยอ้างว่าตอนนั้นเขาจำเป็นต้องทำเพราะถูกฟลอยด์ข่มขู่ว่าจะเปิดโปงเรื่องน่าอับอายในอดีต ขณะที่พ่อแม่ของพวกเขาก็เป็นพยานยืนยันว่าในคืนที่เกิดเหตุนั้นทอมนอนหลับอยู่ที่บ้าน
ปี 2000 ศาลก็ตัดสินลงโทษฟลอยด์ด้วยการจำคุกตลอดชีวิต ชายหนุ่มก้มหน้าลงด้วยความเจ็บปวด เขานึกโกรธพวกนักสืบ อัยการ พี่ชายและพ่อแม่ของเขา
ฟลอยด์ติดคุกไปเกือบ 15 ปี จนกระทั่งเขาได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรที่มีชื่อว่า "The Innocence Project"
ปลายปี 2014 มีการตรวจ DNA และได้พบ DNA ของทอมบนศพของคามิลล์ ทนายของคามิลล์ได้ส่งผลการตรวจให้กับทางสื่อมวลชน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาทอมก็ฆ่าตัวตาย ข้างศพของเขามีกระดาษโน้ตที่บอกว่าฟลอยด์เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นเขาเองที่ฆ่าคามิลล์ ทอมยังบอกด้วยว่าอัยการเป็นผู้กดดันให้เขาปรักปรำน้องชายของตัวเอง
วันที่ 8 ธันวาคม 2015 ฟลอยด์ก็ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ
ฟลอยด์พบว่าแม่ผู้ชราของเขากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่วนพ่อก็ยังมีท่าทีเย็นชากับเขา แต่ฟลอยด์ก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองทั้งสอง เขาได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยทุกคนตั้งแต่ตอนที่อยู่ในคุกแล้ว
ต่อมาทางรัฐแคนซัสได้มอบเงินให้กับฟลอยด์เป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34 ล้านบาท) เป็นการชดเชยที่ทำให้ชายบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องติดคุกไปนานถึง 15 ปี
ต่อมาฟลอยด์ก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง เขาตั้งชื่อให้กับลูกสาวคนโตว่าบรีนลี อลิซ จีน เบรดโซ ซึ่งชื่อกลางของเด็กหญิงนั้นมาจากทนายทั้งสองคนที่มีชื่อต้นว่าอลิซและจีน ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้เขาได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
