15 ก.ค. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
สำนวนหนึ่งที่ผมเรียนมาจากฝรั่งหลังจากใช้ชีวิตในต่างประเทศพักใหญ่ก็คือ having no life
ฝรั่งเรียกพวกที่ทำงานอย่างหนักทั้งวันยันค่ำ ไม่ยอมพักผ่อนหย่อนใจหรือไปเที่ยวเลยว่า “He has no life!”
having no life แปลตรงตัวว่า ไม่มีชีวิต มีความหมายถึงคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่เต็มที่ หรือเกิดมาแล้วไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากงาน
2
แต่เส้นแบ่งระหว่างการใช้ชีวิตเต็มที่กับไม่เต็มที่วัดได้ยาก เพราะ ‘เต็มที่’ ไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตผจญภัยสุดขั้ว ท่องไปทั่วโลก ลองของแปลกใหม่ทุกอย่างเสมอไป ชีวิตเต็มที่น่าจะเป็นชีวิตที่เจ้าของชีวิตใช้แล้วรู้สึกว่าคุ้มกับการเกิดมา หรือได้ใช้ชีวิตในระดับน่าพึงใจแล้ว
4
ชีวิตเต็มที่คือชีวิตที่ไม่ ‘เต็มที’!
3
‘การไม่มีชีวิต’ ไม่ได้หมายถึงการไม่ได้ท่องทั่วโลก ไม่ได้กินของดี เพราะคนที่รวยมาก เดินทางมากก็อาจ ‘ไม่มีชีวิต’ ก็ได้
1
เล่ากันว่า ปรมาจารย์ เล่าจื๊อ กับผองเพื่อนชอบคุยกันสบาย ๆ ในบางซอกบางมุมของเมือง ไม่เคยต้องเดินทางไปไหนไกล เล่าจื๊อเขียนไว้ในคัมภีร์ เต๋า เต็ก เก็ง ว่า “มิได้ออกจากบ้าน ก็รู้จักโลก มิได้สอดส่องมองออกหน้าต่าง ก็รู้จักวิถีแห่งฟ้า...” (สำนวนแปลของ โชติช่วง นาดอน)
2
ความหมายของเล่าจื๊อไม่ได้บอกว่าให้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องออกนอกบ้านหรือไม่มองออกนอกหน้าต่าง แต่อยู่ที่การมองให้เห็น หรือถ้าออกนอกบ้านแล้วก็มองให้เห็น เมื่อนั้นถึงไม่ได้เดินทางไกล ก็รู้หมด และรู้สึกว่าใช้ชีวิตเต็มที่แล้วได้เช่นกัน
3
ผมรู้จักคนไทยหลายคนที่ไปใช้ชีวิตในเมืองนอก แต่ทุกวันขลุกอยู่กับก๊วนคนไทยด้วยกัน ไม่เคยพูดกับฝรั่งที่ไหนเลย อยู่เมืองนอกห้าปี พูดไทยคล่องกว่าเดิม! อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้แปลว่า ‘ไม่มีชีวิต’ เพียงแต่สูญเสียโอกาสที่จะตักตวงศักยภาพของการเดินทางนั้นไป
3
‘การไม่มีชีวิต’ ก็คือการที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตไปทำไม มองไม่เห็นความงามของการอยู่ในโลกนี้ ไม่เคยคิดปรับตัวปรับใจที่จะอยู่ต่อไป หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน โดยเฉพาะทางจิตใจ
4
‘การไม่มีชีวิต’ ก็คือการติดในพันธนาการที่ส่วนมากตนเองสร้างขึ้นมาเอง เช่น ตกอยู่ในบ่วงของอบายมุข การพนัน เหล้ายา กินเหล้าแบบให้เหล้ากินตัวเอง
5
‘การไม่มีชีวิต’ ก็คือการปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของตนเองแทนตน จะก้าวซ้ายก็ต้องขออนุญาต จะเดินขวาก็ต้องขอความเห็นชอบ
7
ซูเปอร์แมนผู้พิการ คริสโตเฟอร์ รีฟ ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนมันเปลี่ยนชีวิตเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเป็นคนที่จัดได้ว่า ‘ตายทั้งเป็น’ ไปแล้ว คือถูกพันธนาการในร่างกายของตนเองที่เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ชีวิตของเขาไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เขาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่พิการ
5
เขากล่าวปาฐกถาในงานประชุมพรรคเดโมแครตปี 1996 ว่า “ความฝันมากมายของเราที่แรกดูเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเรารวบรวมความมุ่งมั่น ในไม่ช้าความฝันเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้นที่จะเป็นจริง”
2
เมื่อใจเป็นอิสระ ก็มีชีวิต
3
ชีวิตเป็นการรวมกันขององค์ประกอบย่อย ๆ บางชิ้นใหญ่ แต่ส่วนมากเป็นชิ้นเล็ก ๆ คนที่ใช้ชีวิตคือคนที่รู้จักหยิบชิ้นเล็ก ๆ เหล่านั้นมาใช้ และไม่ต้องรอถึงวันพรุ่งนี้
3
ในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2552 เครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งร่อนลงจอดฉุกเฉินบนแม่น้ำฮัดสัน หลังจากเครื่องยนต์ทั้งสองดับ ด้วยฝีมือและการตัดสินใจที่ถูกต้องของกัปตัน ผู้โดยสารทั้งหมดรอดตายมาได้อย่างมหัศจรรย์ ผู้รอดตายคนหนึ่งกล่าวหลังเหตุการณ์นี้ว่า “จงใช้ชีวิตวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้”
3
คนจำนวนมากพบสัจธรรมนี้เมื่อเฉียดความตาย และพบว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นและบอบบางเหลือเกิน เผลอนิดเดียวก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแล้ว
4
having life กับ having no life อาจต่างกันตรงที่ว่าเรามองเห็นความไม่ถาวรของชีวิตหรือไม่
2
เมื่อเห็นคุณค่าของชีวิตแล้ว สิ่งเล็ก ๆ ก็อาจมีความหมายยิ่งใหญ่ได้ และการเปิดหน้าต่างมองฟ้าก็อาจเห็นไกลกว่าแค่ท้องฟ้า
3
คาลิล ยิบราน เขียนว่า “จงอย่าลืมว่าโลกปีติยามสัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของเจ้า และสายลมปรารถนาจะเล่นกับเส้นผมของเจ้า”
3
ติช นัท ฮันท์ กล่าวว่า มหัศจรรย์ของชีวิตก็คือการย่ำเท้าบนยอดหญ้าง่าย ๆ เช่นนั้น
4
หลายปีก่อน ผมพากลุ่มแขกต่างชาติไปนอนริมหาดชะอำ ครั้นยามดึกชวนบางคนไปดูดวงจันทร์เหนือทะเล คำตอบ (ในรูปคำถาม) ที่ทำให้ผมงันไปก็คือ “ดูไปทำไม?”
1
มีคนไม่มากในโลกสามารถเงยหน้ามองอาทิตย์บนฟ้า หลายคนลืมไปแล้วว่ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว อีกหลายคนมัวแต่ก้มมองพื้นดินจนลืมไปแล้วว่ามีท้องฟ้า!
3
ดังนั้นการที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถเงยหน้าขึ้นเบื้องบน และชื่นชมความงามของมัน ก็นับว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง
12
การรู้จักเสพความงดงามก็คือการมีชีวิตอย่างหนึ่ง!
7
การมีชีวิตไม่ใช่การมีท้องฟ้าสวย ๆ ให้มอง แต่อยู่ตรงที่การรู้จักเงยหน้าขึ้นเบื้องบนแม้ในคืนที่ฟ้าหม่นมัว!
6
จากหนังสือ #คำที่แปลว่ารัก ซื้อตรงจากนักเขียนได้ที่ http://www.winbookclub.com/shopping.php (หมวดแนวกำลังใจ)
1
โฆษณา