6 มิ.ย. 2022 เวลา 10:02 • ประวัติศาสตร์
ลัทธิโรแมนติก คืออะไร คุณใช่หนึ่งในนั้นหรือเปล่า (Romanticism)
2
Romantic โรแมนติก คือความเพ้อฝัน อุดมคติที่เต็มไปด้วยจินตนาการ คนโรแมนติกก็คือคนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ช่างเพ้อฝัน Dreamer
Romanticize แปลว่า ทำให้เย้ายวนใจ ,ทำให้ดูดีเกินไป
หรือแนวคิดโลกสวย
2
Romantic
ลัทธิโรแมนติก เป็นลัทธิที่เน้นถึงการเร้าอารมณ์ให้น่าตื่นเต้น โดยยึดถือในอารมณ์และจิตใจมากกว่าเหตุผล
1
ทัศนศิลป์กลุ่มนี้จึงมีความเคลื่อนไหวต่อจากกลุ่มนีโอคลาสสิก โดยเริ่มที่ฝรั่งเศส
คำว่าโรแมนติกในกลุ่มนี้ มีความหมายแตกต่างจากคำว่า "ความรัก" หรือ "กามารมณ์" แต่มีความหมายในการแสดงออกเกินความเป็นจริงของอารมณ์รุนแรงเกี่ยวกับความเสียใจและสะเทือนใจ
ลัทธิโรแมนติก เป็นแนวคิดที่มาพร้อม ๆ กับแนวคิดชาตินิยมที่ถูกนำเสนอออกมาผ่านงานเขียน หรืองานศิลปะ การปลุกระดม การนำเสนอให้เห็นถึงความสวยงามของความเป็นชาติ และธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นความภาคภูมิใจ และยังเน้นเรื่องความเท่าเทียม
The Raft Of Medusa ภาพแพเรือของเมดูซา ในปี 1819 ถือเป็นผลงาน ที่เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิโรแมนติกในฝรั่งเศส (ข้อมูลอ้างอิงในลิงก์ท้ายบทความ)
Theodore Gericault ทีโอเดอร์ เกอริโก้ วาดภาพนี้จากเหตุการณ์จริงที่เรือเมดูซาอับปางลงในปี 1816 ผู้โดยสารบนเรือที่ต้องเอาตัวรอด ด้วยการใช้ชีวิตบนแพใหญ่ลอยอยู่บนท้องทะเลนานถึง 13 วัน
เป็นการวาดภาพเพื่อสะท้อนเหตุการณ์น่าสะเทือนใจนี้ในขณะที่ผู้คนกำลังพยายามเพื่อความอยู่รอด ต้องดื่มน้ำปัสสาวะ และต้องกินเนื้อคนที่ตายแล้ว เพื่อประทังชีวิต
ลัทธิโรแมนติก ละทิ้งเหตุผลและแบบแผนเดิม ๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจชั้นดี ให้กลุ่มศิลปินแบบ "อาวองการ์ด" กลุ่มศิลปินหัวก้าวหน้าที่คิดและสร้างงานศิลปะแบบทิ้งกฎเกณฑ์ทุกอย่างเรียกว่าแปลกแบบหลุดโลกกันไปเลย ในสมัยนั้น
ซึ่งถ้าเป็นงานวาดภาพประวัติศาสตร์พวกเขาก็จะบวกเพิ่มความฮึกเหิม ความสลดหดหู่ ความเศร้า ความน่ากลัว เพิ่มเข้าไปให้เกินความเป็นจริงเข้าไว้
ถือเป็นอีกหนึ่งการแสดงออกทางแนวคิดของลัทธิโรแมนติก
ลัทธิโรแมนติกแทรกซึมเข้าไปมีบทบาทในทุกที่ ไม่เฉพาะแค่งานภาพวาดเท่านั้น
1
ในมุมวรรณกรรม
ถือเป็นมุมที่โดดเด่นที่สุด ที่ศิลปินสามารถแสดงออกทางความต้องการ ทัศนคติ ความชอบของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ บางคนพรรณนาถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่สวยงามในชนบท ความน่าหลงใหลของธรรมชาติที่ส่วนใหญ่จะเน้นจินตนาการของตัวผู้เขียน
ในมุมดนตรี
ถือว่าเป็นยุคทองของโอเปราในยุโรปก็ว่าได้ ศิลปินที่โดดเด่นที่สุดในตอนนั้นคือ ลุดวิก แวน บีโธเฟน ที่นำสไตล์ดนตรีคลาสสิกแบบโมสาร์ทมาพัฒนาให้เป็นความโรแมนติก ไม่ยอมเดินตามแบบเก่า ๆ แต่สรรหาเทคนิคใหม่ ๆ ความอิสระทางด้านความคิดทางดนตรีทำให้มีลูกเล่นมากมาย จนกลายเป็นเทคนิคชั้นสูง
Romantic
แนวคิดความรักโรแมนติก มันดีจริง ๆ หรือเปล่านะ
การนำเสนอแต่เพียงด้านเดียว ถ้าดีก็ดีสุดโต่ง ถ้าร้ายก็ร้ายสุดขั้ว
โดยไม่ได้ บอกกล่าวถึงความเป็นกลาง เพื่อให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย
เช่น ถ้ามีความรักก็จะมีความสุขทุกวัน มีคนรักคอยเอาอกเอาใจ เข้าใจกันทุกอย่าง คอยเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษา เป็นทุกอย่างให้แก่กันและกัน และพรรณนาให้เห็นแต่ความสวยงามของความรัก
1
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ความรักมักจะมาพร้อมกับความทุกข์ ไม่ใช่มีแต่ความสุขแบบแนวความรักโรแมนติกเท่านั้น
ช่วงชีวิตหนึ่งของความเป็นวัยรุ่น พวกเราอาจเคยตกอยู่ในความเข้าใจเรื่องความรักในรูปแบบของความรักโรแมนติก จากสื่อที่เราเสพเช่นการ์ตูนเจ้าหญิงเจ้าชาย หนัง ละคร นวนิยาย เพลง รวมถึงเรื่องเล่าต่าง ๆ และชีวิตของผู้คนที่เราได้รับรู้ได้รับฟังมา
โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความเชื่อในพรหมลิขิต เรื่องเนื้อคู่ คู่แท้ คู่บุญ คู่บารมี ตามแต่ละความเชื่อที่ส่งต่อกันมา
เรื่องราวความรักที่รักกัน เจอกันโดยบังเอิญ รักกันตั้งแต่แรกพบสบตา เช่นเรื่องราวของ "โรมิโอกับจูเลียต" ที่ฝ่าฟันอุปสรรคของความรักท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างวงศ์ตระกูลและนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมในตอนท้าย หรือของไทยเราก็น่าจะเป็น "ไอ้ขวัญ อีเรียม"
1
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอิทธิพลจากลัทธิโรแมนติก
Romantic
เป็นค่านิยมที่มนุษย์หันมาให้ความสนใจให้ความสำคัญ เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกลึก ๆ ของตัวเอง
การถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างตรงไปตรงมา และเพื่อให้ได้มาซึ่งความปรารถนา
ค่านิยมเช่นนี้ได้เผยแพร่ผ่านผลงานของนักเขียน ศิลปิน นักร้อง นักดนตรี นักปรัชญาในยุคนั้น
โดยที่เค้าโครงของลัทธิโรแมนติกนี้ยังคงมีอิทธิพลครอบคลุมมาถึงปัจจุบัน
ซึ่งเราจะเห็นว่าค่านิยมเหล่านี้มีอยู่ในวิถีชีวิตประจำของคนทั่วโลก อยู่ในบทละครโทรทัศน์ภาพยนตร์ และเพลงต่าง ๆ
ลัทธิโรแมนติกมุ่งเน้นนำเสนอความรักที่เกิดจากความรู้สึกโดยแท้จริง เชื่อว่ารักแท้คือการยอมรับทุกอย่างในตัวตนของใครสักคน โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร เชื่อในสัญชาตญาณ ปฏิเสธเหตุและผลของบริบทอื่น ๆ รอบตัว
ต่อเมื่อคนเราโตขึ้น ความรักตามแบบลัทธิโรแมนติกก็เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ชีวิต และความมีสติ ความคิดที่รอบคอบมากขึ้น ผ่านการมองโลกตามความเป็นจริงของชีวิต
1
Romantic
ในบทความหนึ่งของบล็อก Moddy Twenties ได้เขียนถึงความรักแบบ Romanticism ไว้ว่า :
Romanticism สอนเราว่า ความสัมพันธ์มีรูปแบบของมันอยู่ หน้าที่ของคุณคือทำตาม checklist นั้น ๆ ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องทำอะไรบ้างในความสัมพันธ์ แต่มีหลักคิดที่ชัดเจนอยู่ เช่นการแต่งงาน มีครอบครัว การนับเรื่องเซ็กส์กับความรักเป็นเรื่องเดียวกัน การที่ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว การทำตามใจตัวเอง
และจุดมุ่งหมายสูงสุดของ romanticism มักจะเป็นเรื่องของการแต่งงานหรือแม้แต่ในปัจจุบันนี้คนจะไม่ค่อยจริงจังกับการแต่งงานเท่าไร
คือมองถึงการที่ได้อยู่รวมกันเป็นคู่ คู่ครองแบบผัวเดียวเมียเดียวไปจนแก่เฒ่า
และนำ Concept นี้มาผนวกรวมเข้ากับความรู้สึกเสน่หา เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ชีวิตผู้คนไปถึงจุดที่ต้องการได้นั่นคือ แนวรวมความรักกับเซ็กส์เอาไว้ตรงจุดเดียวกัน
Romantic
ที่แท้จริงของมนุษย์แล้ว ความรักกับเซ็กส์เป็นคนละเรื่องกัน
1
นั่นคือมนุษย์เราสามารถมีเซ็กส์กับคนที่ไม่ได้รักได้
และสามารถรักกับคนที่ไม่มีเซ็กส์ด้วยก็ได้
2
อย่างเช่นคนสมัยก่อนโน้นนั้นแยกเรื่องเซ็กส์กับเรื่องความรักออกจากกันชัดเจนมาก ๆ ผู้ชายมีเซ็กส์ด้วยกันทางทวารเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ
แต่จะไปมีเซ็กส์กับผู้หญิงเพื่อสืบพันธุ์ หาใช่เพราะความรักไม่
2
แต่แล้ว romanticism นี่แหละที่เข้ามาสร้างความเชื่อให้เราว่าเซ็กส์กับความรักคือเรื่องเดียวกัน ด้วยการตีความหมายให้มันใหม่ ว่าการมีเซ็กส์คือการแสดงออกถึงความรัก ให้นิยามใหม่กับมันว่าถ้ารักและเซ็กส์ไปด้วยกันได้ ก็จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน แต่ถ้ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์
1
และลัทธินี้สอนเราว่า คู่รักที่ดีคือคนที่ต้องเข้าใจกัน แม้ไม่ต้องพูดออกมา และเชื่อว่าการเลือกคนที่ใช่ คือการทำตามความรู้สึก ไม่ใช่การพิจารณาหาเหตุและผล และคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลาย ๆ คนมองว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องที่ต้องเอาขึ้นหิ้งมากกว่ากิจกรรมอย่างอื่น เพราะมันมีคุณค่าทางความรู้สึกอยู่มากมาย
โรแมนติกที่แท้จริงคือความรู้สึก
ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์
เพราะมันจะดูไม่โรแมนติกขึ้นมาทันทีเวลาเราพูดคำว่าผลประโยชน์ร่วม และเขายังอธิบายถึงคำว่าผลประโยชน์ในที่นี้รวมหมายถึงความเข้ากันได้ เรื่องเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจหน้าที่การงาน และอื่นๆอีกมากมาย
ส่วนย่อหน้านี้จาก Mission to the Moon ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า :
อิทธิพลของแนวคิดความรักแบบโรแมนติกนั้นอาจทำลายความรักของคนเราได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะมนุษย์ทุกคนนั้นต่างก็มีอดีต มีบาดแผล และข้อบกพร่องในแต่ละตัวบุคคลที่แตกต่างกันไป
การยอมรับ ทำความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความรักโรแมนติก
แนวคิดแบบหนึ่งอาจไม่ได้เหมาะกับความรักของทุกคนทุกคู่
สิ่งที่เราควรทำเมื่อมีความรัก หรือมีคู่คือ
"มองความรักตามความเป็นจริงของแต่ละคู่
นำเงื่อนไขของเราแต่ละคน แต่ละคู่ มาพิจารณาความเป็นไปได้ร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ในความรักของเราแต่ละคู่นั้นเอง"
1
คลิปนี้ดีมากค่ะทุกคน จากคุณนิ้วกลม เพื่อน ๆ ที่เป็นแฟนคลับพี่นิ้วกลมน่าจะได้ดูได้ฟังกันแล้ว เพื่อน ๆ ลองกดอ่านคอมเมนต์ที่ใต้คลิปนะคะ จะได้แนวคิดเพิ่มเติมที่ดีขึ้น
1
"รักแท้ไม่โรแมนติก"
การเชื่อในเรื่องความรักโรแมนติก ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแตกต่างแต่อย่างใด
ผู้คนในโลกยุคปัจจุบันนี้ต่างก็ยึดแนวทางความรักตามลัทธิโรแมนติกกันอยู่แล้ว
เพียงแค่ตัดคำว่า "ลัทธิ" ออกแค่นั้นเอง
แล้วทุกอย่างก็ดูสวยงามตามแบบเทพนิยาย 💘
1
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอให้เข้าใจในความรัก เป็นที่รัก และสมหวังในความรักนะคะ
1
ผู้สังเกตการณ์
ยุคโรแมนติก
ศิลปะลัทธิโรแมนติก
ศิลปะยุคนีโอคลาสสิค
รักแท้ไม่โรแมนติก
โฆษณา