6 มิ.ย. 2022 เวลา 10:51 • ไลฟ์สไตล์
การทำชา ช่วยเปิดโลกปรับใจไม่ใช่แค่เรื่องชา
นับเป็นโชค ตั้งแต่เริ่มดื่มชาใหม่ๆ ก็เริ่มต้นที่ชาไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี ไม่แต่งรส
ก็คงจะทำให้คุ้นชินกับชาในรูปแบบนั้น
มีบ้างที่มีคนซื้อชามาฝาก ด้วยความที่อยากเลือกของดีที่สุดให้ จึงเลือกประเภทที่ แค่เปิดปากถุงก็หอมฟุ้งไปทั้งห้อง มาให้
เราเองเพิ่งจะดื่มชาใหม่ๆในตอนนั้นก็คิดกันไป ตามประสาทสัมผัส ว่า ยิ่งหอมฟุ้งยิ่งดี
แต่ก็นับเป็นโชคอีก ที่ได้รู้จักกับหลายๆคนในแวดวงชา แม้เค้าจะไม่พูดตรงๆ แต่ถ้าเราสังเกตและละเอียดก็จะเข้าใจเพิ่มขึ้นว่า ชาที่ดีแบบได้มาตรฐานของการทำแบบไม่ใส่สารแต่งเลย เป็นเช่นไร การที่ได้มีโอกาสดื่มชาดีจริงๆ จึงเป็นการยกระดับมาตรฐานประสบการณ์ อันมีค่ามาก
จึงทำให้ได้ค่อยๆเรียนรู้และทำความเข้าใจว่า ชาตั้งแต่เริ่มต้นหากไม่ได้ผ่านการแต่งกลิ่น เป็นยังไง รวมทั้งเอกลักษณ์ บุคลิก ของชาแต่ละชนิด เป็นแบบไหน และด้วยการดื่มชาเป็นงานอดิเรกนั้น ทำให้ได้มีเวลาในการพิจารณามากขึ้น และเที่ยงตรง
ก่อนที่จะเรียนทำชา จึงมีบ้างที่จะด้อยค่าของชาที่แต่งกลิ่น แต่งรส แต่งสี และเริ่มที่จะตั้งแง่ กับชาประเภทใช้สารแต่งนั้น
จนมาเริ่มเรียนทำชา หลายๆครั้งเข้า ก็ค่อยๆเปิดกะโหลก ทีละน้อย ๆ จากค่อยๆเข้าใจว่า ธรรมชาติของแต่ละฤดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และแต่ละปีก็ได้ผลผลิตที่แตกต่างกันมากเช่นกัน รวมทั้งการได้ลงมือทำอย่างสุดความสามารถ ก็ไม่อาจจะเป็นการรับประกันได้ว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาจะได้ผลที่ดีมากๆ
ยิ่งเรื่องของกลิ่น จะเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก เนื่องจากการใช้ดอกไม้ในปริมาณที่มากจนกลิ่นน่าพึงพอใจนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะว่าดอกไม้มีเกสร ที่อาจทำให้เกิดรสขม ได้ง่าย หากจะใส่เยอะก็จะส่งผลลบต่อรส แน่นอน
ทำไปได้สักพัก ก็เริ่มเข้าใจแล้ว ว่า ทำไมชายี่ห้อต่างๆที่เป็นอุตสาหกรรม หรือ ยี่ห้อที่เราเห็นตามท้องตลาด เกือบ 100% จึงต้องแต่งกลิ่น และหนำซ้ำบางที่ยังแต่งรส และแถมแต่งสีด้วย
ไม่มีใครที่จะสามารถชาแต่ละครั้งและส่วนผสมต่างๆ ให้เสถียร ได้ด้วยวิธีทางธรรมชาติ
และเป็นธรรมดาที่แต่ละบริษัท แต่ละร้านค้า แต่ละไร่ชา ก็ไม่สามารถจะไปตามอธิบายลูกค้าแต่ละรายได้ ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ชาไม่เสถียร
อันที่จริงแล้ว ถ้ามนุษย์เราจะละเอียดอีกนิด ก็จะเข้าใจว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ธรรมชาติจะเท่ากัน เหมือนกัน ทุกครั้ง เพราะองค์ประกอบต่าง ๆ ช่างมีมากมายเกินกว่าที่จะทำให้เสถียรได้ และนั่นคือธรรมชาติ!
ด้วยทุนนิยม จึงจำเป็นต้องทำอะไรก็ได้ที่ผู้บริโภค รับรู้ได้ง่ายที่สุด และหากได้แถมว่าเป็นการประหยัดต้นทุนด้วยแล้ว การใช้สารเติมแต่งจึงเป็นหนทางที่ช่างน่าพิสมัยยิ่งนัก บวกกับผู้บริโภคเองก็ยังไม่ทันได้หาความรู้พื้นฐาน จึงทำให้ไปต้องเป็นไปในแนวทางที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
สิ่งที่เกิดในใจของข้าพเจ้านั้น ในตอนหลังมานี้ กลับไม่แพ่งโทษทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิตหรือฝ่ายบริโภค เพราะได้เข้าใจในฐานะคนที่ลงมือทำเอง เจอปัญหาในแบบที่คนผลิตทุกๆคนเจอ และเข้าใจฝ่ายบริโภคด้วย เพราะนึกถึงตัวเองในตอนที่เริ่มดื่มชาใหม่ๆ อะไรที่ถูกจริต นั่นก็คือดี บางทีอะไรที่เจอครั้งแรก เราเองก็ฝังใจไปเองว่า มันใช่แล้ว
การเข้าใจเรื่องชา เพียงแค่นี้ ทำให้ข้าพเจ้าสามารถขยายความเข้าใจนี้ออกไปยังเรื่องอื่นๆ ในโลกนี้ได้อย่างไม่ยากนัก น่าแปลกที่การทำชาเพียงอย่างเดียว สามารถพัฒนาภายในของคนเราได้ถึงขนาดนี้
อันที่จริง ในโลกนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินที่มนุษย์ทุกคนจะเข้าใจได้หรอก เพียงแค่เราอาจจะเลือกที่จะไม่อยากมองมันอย่างละเอียด เราอาจจะใจร้อนเกินกว่าจะบรรจง ละเมียด ทำให้ความไม่เข้าใจพอกพูน แล้วก็โปะหนา จนกลายเป็นกำแพงกั้นใจของเราว่า อะไรที่ไม่เหมือนใจเราคิดนั้น คือผิด และควรกำจัดมันออกไปให้สิ้นซาก
การทำชา ต้องศึกษาทั้งความรู้พื้นฐานในด้านต่างๆ รวมทั้งใช้ความละเอียด การสังเกต ความมุ่งมั่น ความอดทน การวางแผนแล้วทำตามแผน การปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์ การค้นหาวิธีที่ดีขึ้น ฯลฯ
แต่ละครั้งของการทำชา ทำให้ภายในของข้าพเจ้า ค่อยๆปรับปรุงพัฒนา ลงลึกในรายละเอียด แต่เปิดกว้างออกไปเรื่อยๆ เหมือนกับมีแสงส่องทะลุไปยังมุมหลืบซึ่งความมืดแอบซ่อนอยู่ ให้ค่อยๆสว่างขึ้นไปทีละน้อย ทีละมุม อย่างเย็นใจ
โฆษณา