เจฟฟ์ ฮาร์ทังและแองเจลา ซาร์ทิน - ฮาร์ทัง เป็นคู่สามีภรรยาที่ต่างก็เคยผ่านชีวิตแต่งงานด้วยกันมาแล้วด้วยกันทั้งสองคน
แองเจลาเคยแต่งงานกับชายหนุ่มที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันที่เมืองทัลซาในรัฐโอคลาโฮมาและมีลูกชายหญิงด้วยกันสองคน ต่อมาสามีของแองเจลาก็เสียชีวิตไปด้วยโรคหัวใจในปี 1998 ทำให้แองเจลากลายเป็นแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงลูกวัย 2 และ 7 ขวบด้วยตัวคนเดียว
เจฟฟ์นั้นเคยเป็นทหารอากาศมาก่อน เขาได้พบรักกับภรรยาคนแรกตอนที่ไปประจำการอยู่ที่รัฐอลาสกา พวกเขามีลูกชายหญิงด้วยกัน 2 คน ในเวลาต่อมาเจฟฟ์และภรรยาก็ได้หย่าร้างกัน และเจฟฟ์ก็ได้รับสิทธิในการเลี้ยงดูลูกทั้งสองคน
เจฟฟ์ย้ายไปที่เมืองทัลซาและได้พบกับแองเจลาที่โบสถ์แห่งหนึ่งในปี 2000 ทั้งคู่ต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และในเดือนพฤศจิกายน ปี 2001 พวกเขาก็ได้แต่งงานกันและเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่พร้อมด้วยลูก ๆ ของพวกเขาทั้ง 4 คน
ตั้งแต่นั้นเจฟฟ์และแองเจลาก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขเรื่อยมา จนเมื่อถึงปี 2012 ลูกสาววัย 15 ปีของแองเจลาจำเป็นต้องไปฝึกซ้อมบัลเลต์ที่รัฐนิวยอร์ก สองสามีภรรยาจึงตกลงกันว่าให้แองเจลากับลูกสาวไปเช่าหอพักเอาไว้แห่งหนึ่งเพื่อที่แองเจลาจะได้ตามไปดูแลลูกของเธอได้
เวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม ปี 2013 แองเจลาได้ไปรอรถบัสที่ป้ายประจำทางเพื่อจะโดยสารกลับหอพัก แต่จนแล้วจนเล่าเธอก็ยังไม่ได้ขึ้นรถเสียที แล้วแองเจลาจึงนึกออกว่าวันนั้นประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้มาเยือนในพื้นที่แถบนั้น เป็นเหตุให้บริการรถบัสต้องถูกยกเลิกไป
ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินเท้ากลับไปที่หอ แองเจลาได้เดินข้ามสี่แยกโดยไม่รอให้สัญญาณไฟที่อนุญาตให้เดินข้ามถนนติดขึ้นเสียก่อน แล้วทันใดนั้นรถยนต์ตำรวจคันหนึ่งซึ่งไม่ได้เปิดไฟหน้าและวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็พุ่งชนแองเจลาเข้าอย่างจัง
ศีรษะของแองเจล่าพุ่งทะลุกระจกหน้ารถ จากนั้นร่างของเธอก็กระเด็นไปตกบนพื้นถนนและหมดสติไปในทันที
เป็นโชคดีของแองเจลาที่ตอนนั้นมีรถพยาบาลคันหนึ่วิ่งมาถึงตรงสี่แยกนั้นพอดิบพอดี แองเจลาจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองภายในเวลาเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น
แองเจลาได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากบาดแผลมากมายตามลำตัวแล้ว ศีรษะของเธอก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและมีรอยร้าวหลายแห่ง
เช้าวัดถัดมาเจฟฟ์ก็มาถึงโรงพยาบาลที่แองเจลารักษาตัวอยู่ แพทย์ก็ได้แจ้งกับเขาว่าตอนนี้แองเจลาอยู่ในอาการโคม่าและยังไม่แน่ใจว่าเธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่
แองเจลายังคงไม่ได้สติคืนมาตลอดเวลาของการรักษาตัว เจฟฟ์เองก็เฝ้าดูแลภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่าง ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะทิ้งแองเจลาเอาไว้เพียงลำพัง
เจฟคอยเฝ้าดูแลแองเจลาอยู่ตลอดเวลาที่เธอต้องนอนรักษาตัว
แองเจลารักษาตัวอยู่เป็นเวลา 1 เดือน แล้ววันหนึ่งเธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
แองเจลาเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ซึ่งเธอเดาเอาว่าเขาน่าจะเป็นหมอ เธอจึงขอให้เขาช่วยเรียกสามีให้มาหาเธอหน่อย
แต่ชายแปลกหน้าคนดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือเจฟฟ์ สามีคนปัจจุบันของแองเจลานั่นเอง
ความทรงจำในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาของแองเจลาหายไปจนหมดสิ้น ในขณะที่เธอและเจฟฟ์เพิ่งแต่งงานกันมาได้ 13 ปี นั่นหมายความว่าแองเจลาจำเจฟฟ์ผู้เป็นสามีคนปัจจุบันไม่ได้เลย
ตอนนั้นแองเจลาจำคิดว่าสามีคนแรกของเธอยังมีชีวิตอยู่ และจำไม่ได้ว่าพ่อของเธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ เธอยังคิดว่าลูก ๆ ทั้งสองคนของเธอยังคงเป็นเด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบทั้งที่ความจริงพวกเขาได้โตเป็นวัยรุ่นกันหมดแล้ว เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเพิ่งถูกรถชนมาก่อนหน้านี้
อาการของแองเจลานั้นเรียกว่า 'ความจำเสื่อมแบบย้อนหลัง (Retrograde amnesia)' แพทย์บอกกับเจฟฟ์ว่าภรรยาของเขาอาจจะไม่ได้ความทรงจำกลับคืนมาอีกแล้ว และยังเตือนเขาว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีอาการทางสมองนั้นมักจบลงด้วยการหย่าร้าง
แองเจลายังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 4 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นเจฟฟ์ก็ยังคงเฝ้าดูแลภรรยาของเขาอยู่เสมอแม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้เสียแล้วก็ตาม
ในส่วนของแองเจลานั้นแม้ว่าเธอจะลืมความทรงจำที่เคยมีเกี่ยวกับเจฟฟ์ไปหมดแล้วก็ตาม แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอสามารถไว้ใจชายคนนี้ได้
เมื่อถึงเวลาที่แองเจลาต้องออกจากโรงพยาบาล เจฟฟ์ก็พาเธอกลับไปอยู่บ้านที่เมืองทัลซา ซึ่งแองเจลาก็รู้สึกถึงความปลอดภัยถึงขนาดที่เธอได้นอนร่วมเตียงกับเจฟฟ์ในคืนแรกที่พวกเขากลับมา
เจฟฟ์เริ่มต้นทรงความทรงจำใหม่ให้กับภรรยาของเขาอีกครั้ง เขาให้เธอดูรูปถ่ายมากมายเพื่อหวังว่ามันจะช่วยเติมเต็มความทรงจำของแองเจลา เจฟฟ์พาภรรยาไปเดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมือง ซึ่งเขาเรียกมันว่า 'การเดินเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ'
บางครั้งแองเจลาก็เกิดจำบางสิ่งเกี่ยวกับสถานที่บางแห่งขึ้นมาได้ แล้วก็จะพาภรรยาของเขาเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เมื่อพวกเขาได้เจอผู้คนที่ที่ดูเหมือนจะรู้จักแองเจลา เจฟฟ์ก็จะพูดขึ้นว่า "สวัสดีครับ ผมชื่อเจฟฟ์ และนี่แองเจลาภรรยาของผม ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักคุณนะ คุณรู้จักพวกเราหรือเปล่า?"
เจฟฟ์กล่าวถึงช่วงเวลานั้นว่า "มันสนุกมากเลยครับที่ได้ไปตามสถานที่ต่าง ๆ พวกเราจะเดินไปตามถนนและเมื่อเธอเกิดจำร้านค้าสักที่ขึ้นมาได้ เราก็จะเดินเข้าไปในร้านนั้น พวกเราทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันเป็นเวลาหลายเดือนและก็รู้สึกสนุกที่ได้ใช้เวลาไปด้วยกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"
แม้เจฟฟ์และแองเจลาจะแต่งงานกันมา 12 ปีแล้ว แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกว่าเหมือนพวกเขาได้กลับไปเดตกันอีกครั้ง
"ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปเดตกับเธออีกครั้งเลยครับ" เจฟฟ์กล่าว
แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงขาดหายไป นั่นคือความทรงจำที่ว่าแอวเจลาและเจฟฟ์นั้นเคยเข้าพิธีแต่งงานด้วยกันมาแล้ว
เจฟฟ์กล่าวว่า "ในที่สุดผมก็มานึกขึ้นได้ คุณรู้มั้ยว่าพวกเราต้องการอะไร นั่นคือการจัดพิธีแต่งงานขึ้นมาใหม่เพื่อมอบความทรงจำนั้นให้เธออีกครั้ง"
วันที่ 16 มิถุนายน 2018 เจฟฟ์และแองเจลาก็ได้เข้าพิธีวิวาห์เป็นครั้งที่ 2 ที่เซ็นทรัล ปาร์คในรัฐนิวยอร์ก แขกเหรื่อคือบรรดาคนสนิทที่คอยช่วยเหลือพวกเขาในตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงแพทย์อีกหลายคนที่เคยร่วมกันรักษาแองเจลา
ทั้งสองคนเข้าสู่พิธีวิวาห์อีกครั้ง
แองเจลากล่าวว่า "สิ่งที่ง่ายที่สุดในโลกคือการกล่าวคำปฏิญาณกับชายคนนี้ผู้ซึ่งไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใด ๆ และทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและคอยสนับสนุนฉันมาตลอดเวลา"
เจฟฟ์และแองเจลายังมีเรื่องราวมากมายให้ต้องเผชิญ ทั้งเรื่อของความทรงจำที่ยังไม่กลับคืนมาดีดังเดิม รวมถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น แต่ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนั้นก็มั่นใจได้ว่าแองเจลาจะยังคงมีสามีที่จะคอยอยู่เคียงข้างเธออยู่เสมอ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
