6 มิ.ย. 2022 เวลา 23:40 • ข่าว
เวลา 17.00 น. ของวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 นาตาลี เบอร์ลี นักไตรกีฬาสาววัย 27 ปี กำลังปั่นจักรยานเสือหมอบไม่ไกลจากบ้านของเธอซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองกราซของประเทศออสเตรีย ทันใดนั้นรถตู้คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาชนเบอร์ลีเข้าอย่างจังจนทำให้เธอแขนหักไปข้างหนึ่ง
คนขับรถเปิดประตูเดินตรงเข้ามาหาเบอร์ลีที่กำลังนอนอยู่ด้วยความเจ็บปวด หากแต่ไม่ใช่เพื่อให้การช่วยเหลือ เขาใช้ไม้ทุบเข้าไปที่ศีรษะของหญิงสาว ใช้เทปกาวมัดเธอไว้แล้วก็โยนเธอและจักรยานเข้าไปหลังรถตู้คันนั้น
เบอร์ลีกลัวว่าคนร้ายจะพาเธอไปฆ่าแล้วฝังเอาไว้ในป่าสักแห่ง แต่เขากลับพาเธอไปที่บ้านหลังหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นลากเธอขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านแล้วก็ขังเธอไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วไม่นานหญิงสาวก็สลบไป
เมื่อเบอร์ลีตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง คนที่จับตัวเธอมาอยู่ภายในห้องเดียวกัน ในมือของเขาถือมีดเอาไว้เล่มหนึ่ง
หญิงสาวรู้สึกปวดที่ศีรษะจากบาดแผลที่คนร้ายใช้ไม้ทุบเธอ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายที่เธอเพิ่งคลอดเขาออกมาเมื่อ 14 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
เบอร์ลีคิดแก้ปัญหา เธอจะต้องรอดชีวิตกลับไปเพื่อเจอหน้าลูกของเธออีกครั้งให้ได้
ชายคนนั้นให้สัญญาว่าจะปล่อยตัวเบอร์ลีไปในวัดถัดมา จากนั้นเขาก็ใช้ผ้าผูกตาเธอเอาไว้ แล้วก็บังคับให้เธอดื่มเหล้า และก็มีครั้งหนึ่งที่ชายคนนั้นใช้มือของเขาอุดปากและจมูกของเบอร์ลีไว้ จนเธอหายใจไม่ออก
หญิงสาวถูกลากไปที่อ่างอาบน้ำ คนร้ายจับศีรษะของเธอกดลงไปในน้ำ เมื่อถึงครั้งที่ 3 เธอก็แสดงท่าทีขัดขืน คนร้ายเตือนเธอว่าจะทรมานเธอหากไม่ยอมทำตามที่มันต้องการ แล้วมันก็ใช้ผ้าขนหนูคลุมหน้าเธอไว้เพื่อทำให้เธอหายใจไม่ได้
เบอร์ลีเกิดความกลัวขึ้นมา เธอคิดไปว่าลูกชายของเธอจะโตขึ้นมาโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าผู้เป็นแม่
เบอร์ลีผ่านการศึกษาด้านการกีฬาและโภชนาการมาจากมหาวิทยาลัย ซึ่งในคอร์สนั้นก็มีวิชาจิตวิทยาบรรจุเอาไว้ด้วย ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ หญิงสาวก็คิดจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ได้เล่าเรียนมา
เมื่อชายคนนั้นหยุดทำร้ายเธอ เบอร์ลีหันมองดูไปรอบ ๆ เธอเห็นว่าในบ้านของเขานั้นเต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้นานาชนิด แล้วเบอร์บีก็เอ่ยปากชมว่าดอกไม้ของเขานั้นสวยดี และพูดต่อไปว่าเธอก็ปลูกกล้วยไม้ไว้ที่บ้านเหมือนกัน และรู้ดีว่าต้องเอาใจใส่มากแค่ไหนเพื่อจะทำให้ดอกไม้เติบโตและเบ่งบาน
แล้วจู่ ๆ ท่าทีของผู้ชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน เขาพร่ำพรรณาถึงการดูแลเอาใจใส่ดอกไม้พวกนั้น
เบอร์ลีแสดงท่าทีฟังอย่างตั้งใจ แล้วชายคนนั้นก็พูดถึงแมวที่เขาเคยเลี้ยงเอาไว้ พูดถึงพ่อที่ตายไปและแม่ที่ติดเหล้า รวมไปถึงแฟนสาวที่ทรยศเขา
เบอร์ลีก็บอกคนร้ายไปว่าเธอมีลูกตัวน้อยที่ต้องการแม่ และขอร้องไม่ให้เขาฆ่าเธอ จะเป็นอย่างไรถ้าลูกต้องโตขึ้นมาโดยไม่มีแม่
หญิงสาวยังโน้มน้าวเขาต่อไปว่าเธอจะบอกที่บ้านว่าสิ่งที่เกิดกับเธอนั้นเป็นอุบัติเหตุ มีกวางตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้าเธอตอนปั่นจักรยาน เจามาเจอเธอเข้าแล้วก็พามาส่งที่บ้าน
เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่หนึ่ง แล้วชายคนนั้นก็พยักหน้า ทั้งสองช่วยกันแต่งเรื่องขึ้นมา จากนั้นคนร้ายก็แก้มัดหญิงสาวแล้วพาเธอออกไปนอกบ้าน เขาบอกให้เธอรอก่อนเพราะเขาจะไปเอาจักรยานมาให้
ขณะที่ยืนอยู่ในความมืด เบอร์ลีคิดจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และกลัวว่าหากเขาจับได้แล้วจะฆ่าเธอเสีย
ชายคนนั้นขับรถมา เบอร์ลีขึ้นไปนั่งข้างเขาแล้วบอกทางไปบ้านของเธอ แต่เขากลับขับไปด้านตรงข้าม บอกว่าจะพาเธอไปดูที่ดินที่ตาของเขาทิ้งไว้ให้
เบอร์ลีเกิดกลัวขึ้นมาว่าเขาจะพาเธอไปฆ่าและฝังศพเธอไว้ที่นั่น...
แต่พอขับไปได้สักพัก ชายคนนั้นก็แล้วรถกลับแล้วขับรถพาเบอร์ลีไปส่งที่บ้าน
เมื่อไปถึง สามีของเบอร์ลีไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะออกไปตามหาตัวเธอข้างนอก มีแต่แม่ของเขาที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน เบอร์ลีจัดการล็อกประตูและหน้าต่างทุกบาน จากนั้นก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจ
จากการแกะรอยจากไมล์ติดจักรยาน ก็ตามไปเจอบ้านของคนร้าย หน่วยจู่โจมพิเศษบุกเข้าไปและจับกุมเขาได้ในที่สุด เขารับสารภาพว่าได้ลักพาตัวหญิงสาวไป แต่ไม่ได้บอกชัดเจนว่าแรงจูงใจคืออะไร
คนร้ายไม่ได้รับการเปิดเผยตัวตนตามกฎหมายคุ้มครองสิทธิของออสเตรีย
หลังออกจากโรงพยาบาล เบอร์ลีก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกชาย
"เป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าตัวเล็ก หรือแค่ได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน ทุกอย่างมันดีไปหมด ฉันรู้สึกยินดีที่รอดกลับมาได้"
โฆษณา