ชวนดู INTO THE WILD
(ชีวิตมีครั้งเดียว)
บ่ายแก่ๆในเดือนมิถุนายน เราตื่นขึ้นด้วยความสดใสเพราะรู้ว่าวันนี้จะได้พักผ่อนซักที หลังจากที่นั่งทำงานหน้าคอมหลายวันติดต่อกัน ความรู้สึกเบื่อหน่ายกัดกินใจทีละนิดและมันยังคงวนลูปแบบนั้นไม่จบสิ้น
สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นาน
เห็นตัวเลขงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้
“ไม่ทำละ” เสียงในใจพูดขึ้น
เราปิดโน๊ตบุ๊คแล้วคว้าไอแพดที่อยู่ข้างๆ
เปิดทวิตเตอร์และเข้าไปดูสิ่งที่ตัวเองบันทึกไว้
เราไล่อ่านรายชื่อหนังที่อยากดูวันนี้ มีเป็นสิบเรื่อง
แต่สายตาดันไปสะดุดอยู่เรื่องนึง
In to the wild เอาเรื่องนี้แล้วกัน
Base on true story ด้วยว่ะ
พอกดเริ่ม แอบเหล่ไปดูความยาวหนัง. . . "2 ชั่วโมงกว่าเลยเหรอวะ" คิดในใจ
แต่ก็อะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะได้อะไรกลับมา
.
.
.
.
.
(เนื้อหามีการสปอยจากเล็กน้อยถึงปานกลาง)
เรื่องจริงที่สร้างมาจากผู้ชายที่ชื่อว่า “คริสโตเฟอร์ แมคแคนเดิลส์” เด็กหนุ่มอายุ 23 ปี พึ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยหมาดๆ ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างในชีวิต แบกเป้และของที่จำเป็นใส่รถแล้วขับออกไปในที่ไกลแสนไกล
เค้าทำเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างและหลีกหนีจากบางอย่างเช่นกัน
การหลีกหนีจากสังคมจอมปลอม พวกวัตถุนิยม อำนาจและเงินทอง
การหลีกหนีจาก ความเจ็บปวดที่เค้าได้รับตั้งแต่วัยเด็กจนโต นิสัยของพ่อ เสียงทะเลาะกัน ปัญหาครอบรัวต่างๆที่เค้าไม่อยากเจอ มันจบสิ้นลง เมื่อเค้าตัดสินใจขับรถออกมาวันนั้น
เค้าเผาเงินทิ้ง จอดรถไว้ข้างถนน แล้วออกเดินทาง
จุดมุ่งหมายของเด็กหนุ่มคืออลาสก้า
ตอนที่นั่งดูรู้สึกว่าชีวิตฝรั่งมันก็แบบนี้ มีหลายคนที่อยากแบ็คแพ็คแล้วเที่ยวรอบโลก แต่จะมีซักกี่คนกัน ที่ออกเดินทางเพื่อรักษาใจไม่ใช่ความเพลิดเพลิน
เค้าเดินทางไปหลายที่ร่วมๆก็เกือบปี ค่ำไหนนอนนั่น โบกรถคนอื่นเพื่อติดรถไปด้วยจนเชี่ยวชาญ พอเงินหมด เค้าก็ไปทำงาน พอได้เงินมาสักก้อนก็ออกทริปต่อ
สิ่งที่โชคดีคือ เค้าเจอคนดีเกือบทั้งทริป คนที่คอยสอนชีวิตและคำพูดปรัชญาต่างๆ
ความผูกพันธ์เพียงชั่วครู่กับหญิงสาวอายุ16 ที่เค้าพึ่งเจอในค่ำคืนนึง
เป็นเหมือนหยดน้ำชโลมใจเค้าสั้นๆ แต่แค่นั้นก็พอแล้ว
เค้าไม่ได้สนใจมากนัก ทว่าหญิงสาวตกหลุมรักเค้าอย่างจัง
ขนาดพร้อมพลีกายให้เลย
แต่เค้าเลือกที่จะชวนเธอไปร้องเพลงในคืนถัดไป นั่นคือสิ่งที่เค้าทำ ตอนดูก็รู้สึกว่า เออ มันจะมีผู้ชายกี่คนวะ ที่คิดแบบนี้ ไม่ตามืดมัวหวังแค่ว่ามีอะไรกันแค่นั้น
สุดท้ายเค้าก็ขอลาจากเธอไป เพื่อไปอลาสก้าอย่างที่ตั้งใจไว้
แต่ก่อนจะถึงจุดหมายนั้น เค้าแวะนอนที่กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง
แล้วได้พบชายแก่ที่บังเอิญขับรถมาเจอเค้าที่ปั๊ม ทั้งสองคนรู้จักกัน
แลกเปลี่ยนความคิดกันจนไปถึง การที่ชายแก่คนนี้สอนให้เค้าแกะเครื่องหนังเป็น เค้าได้แกะเข็มขัดเป็นเรื่องราวต่างๆลงไปว่าเจออะไรมาบ้างระหว่างทาง กว่าจะมาถึงที่นี่
มีประโยคนึงที่เรานั่งดูสองคนนี้คุยกันแล้วชอบมากๆเลยคือ ชายแก่คงรู้ว่าเด็กหนุ่มน่าจะมีปัญหากับครอบครัวบางอย่าง เลยตัดสินใจทำแบบนี้
เขาพูดว่า “เมื่อเธอภัยได้เมื่อไหร่ เธอจะรักเป็น”
เด็กหนุ่มพยักหน้าเหมือนเข้าใจ และวันต่อมาทั้งสองก็ได้จากลากันอย่างสมบูรณ์ เด็กหนุ่มมุ่งสู่อแลสก้าอย่างที่เค้าต้องการเพียงตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีไกด์ ไม่มีใครไปกับเค้าเลย
มีเพียงตัวเค้าคนเดียวแบกเป้ฝ่าหิมะและแม่น้ำ จนไปเจอรถปัสเก่าๆคันนึงจอดทิ้งไว้กลางป่า เค้าอาศัยบ้านหลังนั้นเป็นที่หลับนอน อ่านหนังสือ ล่าสัตว์ กลับมาอ่านหนังสือ เขียนบันทึก วันเวลาผ่านไป จากหิมะปกคลุม กลายเป็นละลาย และเห็นทั้งผืนป่า
ความเงียบและการอยู่คนเดียว ทำให้เด็กหนุ่มตกผลึกกับชีวิต
เค้าเปิดหนังสือขึ้นมา จรดปากลงไป แล้วเขียนว่า
Happiness Is Only Real When Shared
ความสุขมีความหมายต่อเมื่อแบ่งปัน
การผจญภัยทำให้เค้าเจอความสุขก็จริง แต่การมาอลาสก้าคนเดียว อยู่กลางป่าคนเดียวเป็นเดือนๆ มันก็ทำให้เค้าเจอหลายเหตุการ์ณที่เค้าต้องผ่านมันไปเพียงคน เช่นกัน อย่างเช่น ความเหงา,ความกลัวและความโดดเดี่ยว
ธรรมชาติสอนเค้าหลายอย่าง
จนเค้าเห็นความจริงข้อนึงเลยตัดสินใจที่จะออกจากป่าผืนนี้ แต่ทว่า. . . (จะเกิดอะไรขึ้นอยากให้ไปดูต่อเอง อิอิ)
หนังจบลง เราเดินออกมาจากป่าทึบ ในใจตอนนั้นขอบคุณเค้ามากๆที่
พาเราผจญภัยไปหลายที่ พาไปเจอผู้คนหลายแบบ ความสุขและการได้ตกตะกอนอะไรบางอย่างในใจ
จริงๆหนังเรื่องนี้คำคมเยอะมากเพราะตัวเอกอยู่แต่กับหนังสือ เลยมีอะไรให้เอาออกมาพูดเยอะมาก และนี่คือคำคมอีกอันที่เราชอบ
คุณคงคิดผิด ถ้าคิดว่าความสุขของชีวิตส่วนใหญ่
มาจากความสัมพันธ์ของมนุษย์
พระเจ้าวางมันไว้ทุกที่รอบตัวเรา ในทุกที่ ที่เราสัมผัสได้
เพียงแค่คนเราลองเปลี่ยนมุมมองชีวิตซะใหม่
การตัดสินใจปิดโน๊ตบุ๊คลงในบ่ายแก่ๆของวันนั้น
คงเหมือนกับการที่ได้แบกเป้เข้าป่าไปพร้อมคนๆนึง
เราได้เรียนรู้ความเจ็บปวดของกันและกัน
ได้ซึมซับคำสอนจากหนังสือและผู้คนที่พานพบ
ความสนุก ความโดดเดี่ยว และการเห็นค่าบางสิ่ง
บางในวันที่ยังมีลมหายใจ
สุดท้ายนี้ อยากให้ลองไเข้าป่าไปพร้อมเด็กหนุ่มคนนี้ดูนะคะ
เชื่อว่าแต่ละคนจะได้อะไรกลับมาไม่มากก็น้อย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
