Enriqueta Martí i Ripollés - ฆาตกรหญิงแห่งบาร์เซโลนา
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณผู้ติดตามทุกๆท่าน ทั้งผู้ติดตามเก่าและใหม่ที่ยังคงแวะวนเข้ามาอ่านบล็อค Red Diary มีคอมเม้นท์ทักทายกันมาอยู่สม่ำเสมอ ทั้งที่เรดหยุดเขียนงานไปนานมาก ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่ลืมกันเลย ขอบคุณจากใจจริงค่าาา 😊🙏🙏
ถ้าพูดถึงประเทศสเปน หลายคนคงรู้จักกับ 'บาร์เซโลนา' ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศสเปน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงสถาปัตยกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของทีมฟุตบอลบาร์เซโลนาอีกด้วย
หากแต่ว่าเราลองย้อนกลับไปเมื่อ คริสต์ศักราช 1912 ได้เกิดโศกนาฏกรรมสุดสยองของชาวสเปนที่ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ คดีการลักพาตัวและฆ่าหั่นศพเด็กๆในเมือง นับเป็นเรื่องที่สร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้านในเมืองเป็นอย่างมาก
Cr.en.todocoleccion.net
โดยเรื่องนี้เกิดจากน้ำมือของหญิงวัยกลางคน นามว่า 'มาร์ติ เอนริเกทาร์' ซึ่งเธอได้รับฉายานามในภายหลังว่า 'แวมไพร์หญิงแห่งบาร์เซโลนา' และอีกหนึ่งฉายานาม คือ 'แม่มดแห่งบาร์เซโลนา'
คริสต์ศักราช 1868 : มาร์ติ เอนริเกทาร์ เดินทางมายังประเทศบาร์เซโลนา งานแรกของเธอ คือ การเป็นสาวใช้ในบ้านขุนนางชั้นสูง แต่เงินที่ได้รับ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเธอ ก่อนจะหันไปค้าประเวณีทั้งในซ่องและรับงานนอกสถานที่
เอนริเกทาร์ลุ่มหลงอยู่ในวงอโคจรนี้ เธอคิดว่านี่แหละ คือเส้นทางของเธอ เอ็นริเกทาร์ภูมิใจกับเส้นทางที่เธอได้เลือก เธอได้ขึ้นเป็นแม่เล้าประเวณีที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก
เธอมักจะคัดเลือกเด็กด้วยตัวเธอเอง และหากเด็กคนไหนผ่านการคัดเลือกจากเอนริเกทาร์ เปรียบเสมือนเครื่องการันตีสินค้าอย่างหนึ่ง เอ็นริเกทาร์ มองบรรดาเด็กสาวเหล่านั้นเปรียบเสมือนสินค้าและใช้งานอย่างทารุณกรรม ถึงแม้พวกเธอจะมีอายุเพียง 5-15 ปี เท่านั้น
หากเด็กสาวคนไหนขัดคำสั่งจะถูกทำร้ายร่างกาย หรือ หนักสุดในบางรายก็โดนฆ่าทิ้ง กลับกันหากเด็กสาวคนไหนทำประโยชน์กับเธอได้มาก ก็จะได้เงินและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย ต่างกับเอนริเกทาร์ที่ชีวิตของเธอดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เธอมักชอบแต่งตัวหรูหราไปคาสิโนและชมโอเปร่าในย่านเศรษฐีอยู่เสมอ
Cr.https://cineuropa.org/
ต่อมาในปี คริสต์ศักราช 1895 : เอนริเกทาร์ได้ตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันกับสามีจิตรกรของเธอ แต่ชีวิตรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะเธอรักๆเลิกๆ กันนับครั้งไม่ถ้วน สาเหตุหลักเพราะสามีเธอจับได้ว่าเธอแอบไปค้าประเวณีอย่างเช่นเคย และเธอไม่สามารถมีบุตรให้เขาได้
และในปี คริสต์ศักราช 1909 : ด้วยพิษเศรษฐกิจและสงครามการเมืองที่่แย่ลง ทำให้เอนริเกทาร์ตัดสินใจหาอาชีพใหม่เพื่อประทังชีวิตตนเอง และอาชีพใหม่ของเธอ ก็คือ การลักพาตัวเด็ก ๆ ไปขายให้แก่ขุนนางชนชั้นสูง และอาชีพนี้เองที่เธอเพิ่งค้นพบว่ามันสามารถทำรายได้ให้กับเธอได้ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน เธอได้ฝึกฝนวิชาการปรุงยาสมุนไพร และคิดค้นสูตรเครื่องประทินผิวเพื่อนำมาขายให้แก่ขุนนางชั้นสูง โดยส่วนผสมหลักที่เธอนำมาใช้ ก็คือเด็ก ๆ ที่เธอลักพาตัวมากักขังไว้นั่นเอง
เด็กสาวที่ถูกเอนริเกทาร์ลักพาตัว Cr.http://unknownmisandry.blogspot.com/
เธออวดอ้างสรรพคุณยาของเธอว่าสามารถใช้รักษาวัณโรคได้ ซึ่งในสมัยนั้นวัณโรคเป็นโรคที่น่ากลัวและยังไม่มียาใดๆที่จะรักษาได้ ทำให้ยอดขายยาที่เธอคิดค้นขึ้นมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และธุรกิจนี้ก็สร้างกำไรให้เธอได้อย่างมหาศาล
เอนริเกทาร์เริ่มสร้างตัวตนจนเป็นที่น่าจดจำ ภาพลักษณ์ของเธอคือแม่หมอปรุงยาและผลิตคิดค้นเครื่องสำอางค์ที่เก่งกาจ ขุนนางชั้นสูง และ เศรษฐี ต่างชอบและพึงพอใจกับผลิตภัณฑ์ของเธอเป็นอย่างมาก จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ต่อมาส่วนผสมหลักของเธอเริ่มขาดแคลน จึงทำให้เธอไม่มีวัตถุดิบในการผลิตสินค้า และเหตุการณ์นี้เอง ทำให้เธอเริ่มลักพาตัวเด็กๆบ่อยขึ้น โดยเด็กที่เธอลักพาตัว จะมีตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงเด็กวัยรุ่น เธอดำเนินการเช่นนี้มาตลอด 20 ปี โดยกฎหมายไม่สามารถเอาผิดเธอได้ เพราะเธอรู้ช่องว่างทางกฎหมายเป็นอย่างดี
เอนริเกทาร์เป็นคนฉลาด ไหวพริบดี เธอรู้วิธีกำจัดซากศพและการเก็บหลักฐาน อีกทั้งสมัยก่อนสเปนยังไม่มีระบบการสื่อสารที่จะกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้การลักพาตัวของเธอยิ่งง่ายดายขึ้นไปอีก
โดยเธอดัดแปลงอพาร์ทเม้นท์ของเธอให้เป็นทั้งซ่อง และ โรงเชือด เพื่อปกปิดความเลวร้ายของตัวเธอเอง
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912
เพื่อนบ้านเธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเอนริเกทาร์ มักมีเด็ก ๆ หายเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ของเธออยู่บ่อย ๆ แต่กลับไม่เคยเห็นเด็กคนไหนได้กลับออกมาอีกเลย เพื่อนบ้านจึงโทรไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบถึงความผิดปกตินี้
และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ผงะกับภาพที่เห็นตรงหน้า ซากศพนับสิบ และเศษชิ้นเนื้อ เลือด รวมถึงไขมัน กระจายเต็มผนังห้อง รวมถึงชิ้นส่วนบางอย่างก็อยู่ในหม้อต้ม ที่เธอกำลังเตรียมทำเครื่องสำอางค์ มันเป็นภาพที่สะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก
จากการตรวจสอบโดยรอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบ กระสอบเสื้อผ้าเปื้อนเลือด มีด และโครงกระดูก รวมถึงซากศพเด็กเล็กมากกว่าสามสิบศพ !!
ภายในห้องพักของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ สภาพมันดูไม่ต่างจากนรกบนดิน มีทั้งคราบเลือด คราบไขมัน และโครงกระดูกส่วนต่าง ๆ รวมถึงเศษเนื้อมนุษย์ กระจายอยู่เต็มพื้นห้อง
Cr. YT: QUE MAL FILMS
จากคำบอกเล่าของเอนริเกทาร์ เด็ก ๆ ที่ถูกลักพาตัว จะถูกนำมากริบเอาไขมัน เลือด และ กระดูก เพื่อมาทำเป็นส่วนผสมหลักในการทำครีม เอนริเกทาร์ เชื่อว่า เลือดจากเด็กหนุ่ม เป็นยาอายุวัฒนะ ที่ทำให้คนใช้มีชีวิตยืนยาว และไขมันของเด็กสาว คือ ครีมบำรุงชั้นดี ที่ทำให้ผิวเปร่งปรั่งอย่างดีเยี่ยม
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเด็กสาวที่รอดชีวิต เธอเล่าให้ฟังว่า เอนริเกทาร์ บังคับให้เรียกเธอว่า 'แม่' และให้เธอสวมใส่เสื้อที่เก่าและขาด ส่วนอาหารที่ได้รับคือขนมปังที่ใกล้เสีย โดยเธอต้องแย่งกินกับเด็กๆ คนอื่นอยู่เสมอ และหลายครั้งก็มีการใช้กำลังกันเพื่อแย่งขนมปังที่มีอยู่อย่างจำกัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วยเหลือเด็กสาว Teresita
เด็กสาวผู้รอดชีวิตยังบอกต่ออีกว่า เธอและเพื่อนเคยแอบสำรวจบ้านตอนที่เอนริเกทาร์ไม่อยู่ และนั่นทำให้เธอพบกับความจริงอันน่าสยดสยองที่ไม่มีวันลืมเลือน เด็กสาวพบกับห้องที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและมีดแล่เนื้อขนาดใหญ่ และเธอพบถุงกระสอบบรรจุเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดเป็นจำนวนมาก
คำให้การของเด็กสาวคนนี้ สอดคล้องกับ แองเจริต้า เด็กสาวอีกคนหนึ่งที่รอดชีวิตออกมาได้ เธอบอกว่า ตลอดเวลาที่อยู่กับเอนริเกทาร์น่า เธอเป็นคนที่ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ โดยเธอเคยเห็นเอนริเกทาร์ฆ่าเด็กน้อยวัย 5 ปี ต่อหน้าเธอ
เธออุ้มเด็กชายไปที่ครัวแล้วฆ่าเขา หลังจากนั้นก็หั่นเขาเป็น ชิ้น ชิ้น
คำให้การของเด็กสาว แองเจริต้า
แองเจริต้า รอดมาได้เพราะเธอรีบวิ่งไปหลบซ่อนบนเตียง แล้วแกล้งหลับในทันที ทำให้เธอรอดจากเงื้อมมือเอนริเกทาร์ในครั้งนั้นมาได้
CR.https://board.postjung.com/
เอนริเกทาร์ถูกจับกุมและคุมขังที่เรือนจำ เรอินา อมาเลีย ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของชาวบ้านในเมือง ในระหว่างที่เธออยู่ในคุก เธอพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ทั้งการใช้ช้อนโลหะ และมีดไม้ พยายามกรีดข้อมือตัวเอง หนักกว่านั้น เธอพยายามกัดเส้นเลือดที่ข้อมือเธอเพื่อจบชีวิตตัวเอง
แต่ต่อมาเธอก็ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1913 เพราะถูกผู้ต้องหาในคุกเดียวกันกับเธอพยายามจะข่มขืน และเฆี่ยนตีเธออย่างหนัก จนเธอไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลุมฝังศพของเอนริเกทาร์ถูกฝังอยู่ในสุสานทางตะวันตกเฉียงใต้บนเนินเขา มงต์จุยค์
ในเวลาต่อมาเรื่องราวของเธอได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนานมาก จนเธอได้รับฉายา "แวมไพร์แห่งบาร์เซโลนา" เพราะเธอคือาฆาตกรหญิงต่อเนื่องในประวัติศาสตร์ของประเทศสเปน และเรื่องราวของเธอถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยภาพยนตร์นี้ก็สร้างรายได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ประเด็นของมาร์ริเกทาร์ยังได้รับความสนใจอยู่เป็นอย่างมาก เมื่อนักเขียนร่วมสมัยทั้งสาม Elsa Plaza, Jordi Corominas และ Salvador García Jiménez ได้นำเรื่องของเอนริเกทาร์ มาทำเป็นกรณีศึกษา โดยนักเขียนทั้งสามได้อธิบายไว้ ว่า
พวกเขาเชื่อว่าเอนริเกทาร์ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ เนื่องจากเธอเองไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ แล้วตัวเธอก็ป่วยมีโรคประจำตัว จึงทำให้เธอเกิดความคิดที่จะลักพาตัวเด็กอีกทั้งเธอยังเชื่อว่า กระดูกที่เธอได้มาจากเด็ก ๆ มันจะนำมาซึ่งโชคลาภให้กับเธอ
เอ็นริเกต้าและเด็กสาวที่ถูกลักพาตัว
ยังมีบางสื่อที่รายงานว่า จริงๆ แล้วอาจจะมีการจัดฉาก และเธออาจจะเป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้ก็ได้ เพราะในซ่องที่เธอดูแลอยู่เกิดการแทรกแซงและมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และมีพยานบางคนกล่าวว่า สมัยที่เธอทำงานเป็นสาวใช้ร่วมกันกับเธอ เธอไม่มีนิสัยก้าวร้าวให้เห็นเลย กลับกันเธอจิตใจงาม เรียบร้อย และถ่อมตัวมาก
อย่างไรก็ตามก็มีข่าวลือเล็ดลอดออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับสมุดบันทึกของเธอ ซึ่งในสมุดนั้นเต็มไปด้วยรายชื่อลูกค้าที่สั่งเครื่องสำอางค์ และ การค้าประเวณีของเธอ โดยรายชื่อบุคคลที่อยู่ในสมุดนั้นล้วนเป็นบุคคลชั้นสูง เช่น นักการเมือง นักธุรกิจ นายทหาร และนายตำรวจยศใหญ่ ซึ่งทางการพยายามเป็นอย่างมากที่จะปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ . . .
- และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ แวมไพร์หญิงแห่งบาร์เซโลนา -
หากท่านใดชื่นชอบบทความนี้ กดไลค์ กดแชร์ กด Follow หรือจะมอบเพชร วิ๊บวับ ๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเรดได้นะคะ 😊
เรดยินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุก ๆ ท่านค่าา ขอบคุณค่ะ ❤️ 😁
Cr.board.postjung , matrix666.net , YT : BUDDY LUU
เรียบเรียง : Red Diary ❤️
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
