9 มิ.ย. 2022 เวลา 13:31 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"Attack on Titan : Part 1" 2015
จากมังงะชื่อดังผ่าพิภพไททัน สู่เวอร์ชั่นคนแสดง
ที่ทำออกมาได้ห่วยบรม จนรู้สึกเสียดายเวลาดู
Attack on Titan : Part 1
ภาพยนตร์แอ็คชั่น-เซอร์ไวเวิล (เอาชีวิตรอด) ที่พยายามจะสอดแทรกดราม่าและความสยองขวัญ จนทำให้มันรู้สึกล้นเกินไป ผลงานจากผู้กำกับ Shinji Higuchi ที่ถนัดหนังแนวนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Shin Godzilla, Shin Ultraman ทั้งยังได้ Yusuke Watanabe มาร่วมเขียนบท (จากเรื่อง Gantz) แต่หนังกลับออกมาแย่กว่าที่คิด และรู้สึกฝืนมากที่ต้องทนดูต่อจนจบ
เรื่องราวของโลกที่กำลังจะล่มสลาย เมื่อกำแพงสูงตะหง่านที่คอยปกป้องผู้คนจากเงื้อมมือของเหล่าสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์อย่าง ไททัน กำลังจะพังทลายลงมา เอเรน (Haruma Miura) และ อาร์มิน (Kanata Hongō) เหล่าเด็กหนุ่มที่รอดชีวิตจากการโดนบุก จึงเข้าบรรจุเป็นทหารหน่วยสำรวจเพื่อต่อกรกับไททันและตามหา มิคาสะ (Kiko Mizuhara) เพื่อนสาวที่หายสาบสูญไป
อย่าว่าแต่ความรู้สึกหลังดูจบเลย แค่เริ่มเรื่องมาก็รู้สึกว่ามันทะแม่งๆละ การเปลี่ยนเนื้อเรื่องจากต้นฉบับยังพอเข้าใจได้ สำหรับหนัง Live Action แต่บทที่อ่อนเกิน และการปูปูมหลังตัวละครที่แสนจะเบาบาง ทำให้ไม่รู้สึกอินใดๆไปกับหนังได้เลย บทที่เปลี่ยนก็ไม่ได้สร้างอิมแพคเพิ่มเติมจากมังงะหรืออนิเมะ แต่ยิ่งกลับดูย้อนแย้งไปกันใหญ่ ทำให้ตลอดเรื่องแทบสัมผัสถึงความสนุกไม่เจอ แม้แต่ฉากสู้กันยังไม่ค่อยตื่นเต้น
ด้านแคสติ้งตัวละคร นอกจากคุณมิอุระ ในบทเอเรน (จากไปเมื่อปี2020 ขอไว้อาลัย ณ ที่นี้) ตัวละครอื่นแทบไม่มีความเท่หรือน่าจดจำเลย ตัวละครสำคัญอย่างผู้กองลีไวล์ ที่ถูกถอดออก และแทนที่ด้วยผู้กองซึกิชิมะ (แสดงโดย คุณฮิโรกิ ฮาเซกาว่า) ก็ไม่เหลือความเท่อยู่เลย บทแต่ละตัวทั้งขาดๆเกินๆ จะเหมือนต้นฉบับหรือฉีกไปเลยก็ไม่ ทำให้ไปไม่สุดสักทาง
ถ้าจะเปรียบกันตรงๆ สำหรับใครที่เคยอ่านมังงะหรือดูเวอร์ชั่นอนิเมะมาแล้ว คือเทียบกันไม่ได้สักนิด ทั้งคาแรคเตอร์ตัวละครที่เปลี่ยนไป เหมือนเอามาแค่ชื่อกับบุคลิกภายนอก ความกดดันและความตื่นเต้นจากการเอาตัวรอด หนังกลับถ่ายทอดแค่ฉากมืดๆมาให้ดู
แม้ในด้าน CG จะสอบผ่าน เพราะทำไททันออกมาได้หลอนและน่ากลัวใช้ได้ แต่อย่างฉากต่อสู้ในอนิเมะคือการร่วมมือกันสู้อย่างมีทีมเวิร์ค พอในหนังเหมือนแค่พยายามจะหนีตายเท่านั้น ทั้งโทนภาพที่มืดเกินจนแทบดูไม่ออก ดนตรีประกอบก็ไม่ได้รู้สึกลุ้นระทึกเท่าอนิเมะ และด้วยบทที่มันป่วยเกิน พยายามเน้นไปที่ดราม่าเสียส่วนใหญ่เลยพาหนังทั้งเรื่องดิ่งลงเหวไปอย่างน่าเสียดาย
ก็ไม่รู้ว่าคนที่ไม่เคยดูอนิเมะมาก่อนจะรู้สึกสนุกไหม แม้หนังจะมีภาคต่อแต่คงต้องขอพักไว้ก่อน เพราะการทิ้งปมไว้ตอนจบก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอยากดูเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด คอมังงะอนิเมะไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ เพราะเส้นเรื่องและเนื้อไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ส่วนใครที่ว่างและอยากลองดูก็ไม่เสียหายอะไร จะดูหรือข้ามก็ตามสะดวก
โฆษณา