9 มิ.ย. 2022 เวลา 14:37 • ประวัติศาสตร์
ต่ำ เร็ว กับภารกิจบินฝ่าแนวข้าศึก
เช้าตรู่ของวันที่ 21 มีนาคมที่สนามบิน Dnipro ฟลินท์และเพื่อนทหารกลุ่มเล็กๆ จากหน่วยข่าวกรองด้านการป้องกันประเทศยูเครน (GUR) กำลังจะลงมือทำปฏิบัติภารกิจลับและสุดอันตราย ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดของสงคราม
เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ทหารยูเครนในโรงงานเหล็ก Azovstal ที่เมืองท่ามาริอูโปลในทะเลอาซอฟถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อม พวกเขาขาดแคลนทั้งกระสุน อาหาร และเวชภัณฑ์ รวมถึงมีคนบาดเจ็บสาหัสเพิ่มขึ้นทุกวัน
จนทำให้พลโท Kyrylo Budanov หัวหน้าแผนกข่าวกรองกลาโหม ตัดสินใจร่างแผนการที่จะส่งทีมกล้าตายฝ่าเข้าไปส่งกระสุน อาหาร เวชภัณฑ์และนำคนบาดเจ็บออกมาโดยใช้เฮลิคอปเตอร์บินด้วยความเร็วเป็นระยะทาง 60 ไมล์เหนือพื้นที่ของข้าศึกที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศและเครื่องบินรบของรัสเซีย เมื่อถึงจุดลงจอดพวกเขาต้องรีบขนเสบียงลงจากเฮลิคอปเตอร์ให้เร็วและนำคนบาดเจ็บออกไปอย่างที่ปลอดภัย
ซึ่งภารกิจการบินฝ่าแนวข้าศึกเข้าไปที่โรงงานเหล็ก Azovstal ทำให้นายทหารและทหารคนอื่นๆจำนวนมากมองว่า"นี้เป็นการปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้" ทำให้ทหารภายในหน่วย GUR ถึงกับกล่าวพื้นที่ตรงนั้นว่า" พื้นที่สงคราม หรือ The War Zone"
“เราเข้าใจว่านี้อาจเป็นการบินไปเที่ยวเดียว และเราพร้อมที่จะรับความจริงที่ว่าเราอาจจะไม่ได้กลับออกมา” ฟลินท์กล่าว
ดังนั้นฟลินท์และทหารคนอื่นๆ จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพลเรือนและขึ้นเฮลิคอปเตอร์ Mi-8 จำนวน 2 ลำ ที่ถูกปลดอาวุธและระบบอื่นๆ ออกเพื่อทำให้ตัวเฮลิคอปเตอร์มีน้ำหนักที่เบาให้มากที่สุดเพราะพวกเขาต้องการพื้นว่างสำหรับขนขีปนาวุธพื้นสู่อากาศแบบ Stinger จรวดต่อต้านรถถัง NLAW และระบบสื่อสาร Starlink ที่จะขนไปให้ทหารที่โรงงานเหล็ก Azovstal ที่ถูกปิดล้อมและจะได้ติดต่อสื่อสารกับทหารที่อยู่นอกวนล้อมได้
ก่อนที่ภารกิจนี้จะเริ่มขึ้นทหารยูเครนต้องทำการปล่อยข่าวล่วงและทำการโจมตีล่วงต่อทหารรัสเซีย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
แต่แล้วภารกิจนี้กลับล่าช้าออกไปเพราะหลายคนกังวลด้านความปลอดภัยและยังมีรายงานจากหน่วยข่าวกรองที่บอกถึงความเปลี่ยนแปลงของที่ตั้งหน่วยป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการล่าช้า
ทั้งนี้เหล่านายทหารจึงเลื่อนแผนการออกไปเพราะมีรายงานว่าข้าศึกอาจลวงรู้แผนการของเรา ซึ่งตอนนั้นได้มีเครื่องบินของข้าศึกบินอยู่แถวโรงงานเหล็ก Azovstal อย่างหนาแน่น
แต่ปฏิบัติการนี้มีคนจำนวนมาที่เข้าร่วมภารกิจนี้ทั้งทหาร ช่างเทคนิค พนักงานเติมน้ำมัน ตำรวจ พวกเขากำลังรอคำสั่งที่สนามบิน แต่แล้วแผนการถูกเลื่อนถึง 3 ครั้งด้วยเหตุผลมีคนร่วมภารกิจรวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่สนามบินเพราะจะทำให้ข้าศึกรู้ถึงแผนการได้
จนทำให้มีทหารคนหนึ่งโทรหาภรรยาของเขาและบอกเธอว่า"อีกไม่นานผมจะได้กลับบ้านแล้วที่รักเพราะการปฏิบัติการถูกปฏิเสธโดยผู้บังคับบัญชา"
และแล้วกองกำลังยูเครนถูกเรียกมารวมตัวกันที่สนามบินอีกครั้งเพื่อรับฟังภารกิจ แต่บางคนยังปฏิเสธที่จะทำภารกิจนี้เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่ก็มีนักบินคนหนึ่งออกมาพูดด้วยเหตุผลส่วนตัวลึกซึ้งว่า "ผมต้องบินไปที่โรงงานเหล็ก Azovstal เพราะภรรยาของผมเป็นแพทย์ทหารใน Azovstal เธอกำลังรักษาทหารที่บาดเจ็บหนัก และเราต้องเข้าไปอพยพทหารที่บาดเจ็บหนักและเธอออกจากโรงงานนั้น”
**เริ่มภารกิจเสี่ยงตาย**
การบินฝ่าเข้าไปยัง Azovstal ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพวกเขาต้องบินอย่างรวดเร็วและต่ำเหนือภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขาและสิ่งกีดขวางเช่นต้นไม้และสายโทรศัพท์ซึ่งนักบินต้องใช้ทักษะการบินอย่างมากและไม่มีอาวุธป้องกันการโจมตีตัวเอง แต่ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือไม่ใช่นักบินทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนให้บินด้วยการใช้อุปกรณ์มองเห็นตอนกลางคืน พวกเขาจึงแบ่งกำลังบางส่วนไว้บินในตอนกลางวันเช่นกัน
แลัวเวลาประมาณ 3:30 นาที กองกำลังยูเครนและนักบินได้ออกบินในขั้นแรกไปที่จุดเติมน้ำมัน จากนั้นก็บินเข้าแนวข้าศึกไปยังโรงงานเหล็กที่มีระยะทาง 60 ไมล์ซึ่งโรงงานเหล็กถูกล้อมรอบด้วยทหารรัสเซียสังกัดกองทัพที่ 8
ซึ่งในนาทีความเป็นความตายนี้ทำให้ฟลินท์มีควา มกังวลอยู่สองประการ ประการที่หนึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพาและประการที่สองระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่ติดตั้งบนรถยานเกราะ
ฟลินท์ที่นั่งอยู่บนกล่องกระสุนพร้อมกับนักบินที่บินด้วยความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมงและบินเหนือพื้นดินประมาณ 15 ฟุตเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของข้าศึก
กองกำลังยูเครนที่เข้าร่วมภารกิจนี้พวกเขาได้สวมชุดพลเรือนและทิ้งเอกสารประจำตัวทหารทั้งหมดเผื่อกรณีถูกยิงตกจะได้เอาตัวรอดตามแผนที่วางไว้และหนีเข้าไปยังแนวของทหารยูเครน
ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ Mi-8 จำนวน 2 ลำนี้บินอยู่เสียงของใบพัดส่งเสียงดังไปทั่วแนวของทหารรัสเซียแต่ไม่ได้รับการตอบโต้แต่อย่างใด จนกระทั่งพวกเขาบินอยู่เหนือโรงงานเหล็กที่มีหลุมระเบิดจำนวนมากทั่วโรงงาน
เมื่อนักบินมองลงไปก็พบพื้นที่เล็กๆ ที่รกร้างว่างเปล่าและมีพื้นที่ขนาดใหญ่พอที่จะลงจอดได้ซึ่งใกล้กับทางเข้าอุโมงค์ใต้ดินซึ่งทหารยูเครนซ่อนตัว
ฟลินท์กล่าวว่า "โรงงานเหล็ก Avostal ถูกทำลายไปหมดแล้วเช่นเดียวกับเมืองมาริอูโปล"
เมื่อนักบินเริ่มทำการลงจอดซึ่งพวกเขาพบว่ามันชั่งง่ายดายอย่างมากและพวกเขาต้องใช้เวลาอีก 15-20 นาทีเพื่อขนถ่ายเสบียง อาวุธลงและรวบรวมผู้บาดเจ็บ โดยรถบรรทุก GAZ-66 ได้บรรทุกทหารที่บาดเจ็บจำนวน 16 คนโผล่ออกมาจากอุโมงค์และเริ่มขนคนเจ็บขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งนักบินยังคงรักษาเครื่องยนต์และใบพัดให้หมุนอยู่ตลอด
การมาของเฮลิคอปเตอร์ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทหารในโรงงานเหล็กอย่างมาก โดยไม่คิดว่ายังมีใครบ้าพอจะกล้าบินฝ่าเข้ามาหาพวกเขา
เมื่อขนคนเจ็บขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้ว ทหารสังกัดกองพันอาซอฟต้องทำการโจมตีข้าศึกแบบล่วงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ได้ขึ้นบินและมุ่งหน้ากลับมายังจุดเติมน้ำมันอีกครั้งโดยไม่มีความสูญเสียแต่อย่างใด และพวกเขากลับมายังสนามบิน Dnipro อย่างปลอดภัยเมื่อเวลาประมาณ 7.30 นาที การบินฝ่าเข้าไปในเที่ยวบินแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงามพร้อมกับความประหลาดใจของทุกคน
แต่ในเที่ยวบินที่สองนั้นอย่างลำบากกว่ามีเฮลิคอปเตอร์ถูกยิง แต่สามารถบินไปถึงจุดเติมน้ำมันและลงจอดได้สำเร็จ เพื่อป้อนกันการตอบโต้ของรัสเซีย นักบินจึงเปลี่ยนเส้นทาง บางครั้งบินเหนือพื้นดิน บางครั้งก็บินอยู่เหนือน้ำ
"ผมรู้ถึงสถานการณ์ที่เฮลิคอปเตอร์ของเราบินอยู่เหนือระหว่างเรือรัสเซีย 2 ลำ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์เลี้ยวขวาและบินเหนือทะเลไปยังพื้นที่ของทหารยูเครน” เขากล่าว
และมีหนึ่งในเที่ยวบินซึ่งไม่เหมือนกับเที่ยวบินอื่นๆ ที่ประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ ที่มาพร้อมกับ Mi-24 ที่ทำหน้าที่เป็นเฮลิคอปเตอร์ยิงสนับสนุนระหว่างปฏิบัติภารกิจ พวกเขาได้ขนทหารบาดเจ็บมากกว่าสามโหลออกมา
จากการสัมภาษณ์พลโท Kyrylo Budanov เขาบอกว่า"มีเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำถูกยิงตก โดย 2 ลำทำภารกิจสนับสนุนทางอากาศและอีก 1 ลำทำภารกิจกู้ภัย"
ฟลินท์กล่าวว่า"มีเฮลิคอปเตอร์เพียง 1 ลำที่ระบุว่าถูกทำลาย และอีก 2 ลำสูญหาย"
**สิ้นสุดภารกิจ**
ก่อนที่ภารกิจจะสิ้นสุด เฮลิคอปเตอร์ของยูเครนไม่แค่ขนเสบียง อาวุธไปส่งเท่านั้น แต่ยังนำกำลังทหารสังกัดกรมอาซอฟที่อาสาเข้าไปเสริมกำลังในโรงงานเหล็กอีกด้วย การบินฝ่าเข้าไปเที่ยวสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่าน
Oleksiy Hromov รองหัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการหลักของเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกองทัพยูเครน กล่าวว่า "การส่งความช่วยเหลือหยุดลงเพราะข้อมูลเกี่ยวกับความช่วยเหลือถูกเผยแพร่ ทำให้ข้าศึกเสริมการป้องกันทางอากาศ ซึ่งทำให้ยากสำหรับเราในปฏิบัติการ และนำไปสู่การสูญเสียกำลังพลและเฮลิคอปเตอร์ที่อพยพผู้บาดเจ็บ" หลังจากนั้นกองบัญชาการสูงสุดของยูเครนได้ให้ทหารที่โรงงานเหล็กยอมจำนนต่อทหารรัสเซียในที่สุด
“เราจะต้องเขียนเกี่ยวกับปฏิบัติการเหล่านี้ในหนังสือ ไม่ใช่แค่ในหนังสือเท่านั้น แต่เราต้องสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับสถานที่ป้องกันสุดท้ายในมาริอูโปลด้วยและฉันคิดว่าลูก ๆ ของเราจะเล่าเรื่องนี้เกี่ยวกับความกล้าหาญที่นั่น” ฟลินท์กล่าว
สรุปแล้วภารกิจนี้ทหารยูเครนทำภารกิจไป 7 ภารกิจ ส่งเฮลิคอปเตอร์บินเข้าไป 16 เที่ยวบิน สูญเสียเฮลิคอปเตอร์ไป 3 ลำ
โฆษณา