10 มิ.ย. 2022 เวลา 02:45 • การเกษตร
04 : [ จากห้องแคบสู่โลกกว้าง ]
แสงแดดเช้าอ่อน ๆ ลายลมบาง ๆ พัดไหวพาก้อนเมฆสีขาวปนสีเทาที่จับตัวเป็นกลุ่มก้อนเล็กก้อนน้อย พัดพาสลับแปรก้อนเมฆเป็นตัวละครต่าง ๆ ตามแต่สายลมจะพัดแปลงไปภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนและเข้มบาง ๆ
  • เสียงรถจักรเครื่องยนต์คูโบต้า 11 แรงที่พ่วงท้ายเป็นรถบรรทุกแบบเกษตรสิ้นสุดลงใต้ร่มเงามะม่วงบนโพนจอมปลวก เป็นเช้าของวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เดินลงจากหลังพวงมาลัยแล้วกระโดดขึ้นท้ายพ่วงรถหยิบกระสอบปุ๋ย4-5 ใบแล้วเดินไปประจำการ คือแปลงถาดข้าวที่เบื้องหน้าเขียวไปด้วยต้นกล้าข้าวที่พร้อมจะออกไปโลดแล่นบนผืนดินจริง
  • พลันก็ใช้มือหงายขึ้นเซาะริมรอบขอบแปลงถาดเข้า ชอนใต้ถาดพอหยิบตัวถาดที่ถูกดินกลบไว้ขึ้นแล้วม้วนเป็นแผ่นทับต้นกล้าข้าวแล้ววางลงบนกระสอบปุ๋ยที่วางปูราบไว้รอก่อนนี้แล้ว ถาดกล้าที่สองก็เช่นกัน วางซ้อนทับกันได้อย่างลงตัวด้วยว่าแต่ละถาดจะเป็นหลุม ๆ ทับกันไว้ก็เป็นการล็อกถาดไม่ให้คลี่ตัวออกจากกัน ต้นกล้าข้าวสีเขียวที่อยู่ขอบมุมของถาดเพาะก็ล้วนชี้ออกมานอกถาด
  • ก่อนจะที่ล้วนพับกระสอบปุ๋ยดังกล่าวรวดรัดถาดเพาะกล้าได้5-6 ถาดเข้าด้วยกันเป็นม้วนเดียวแล้วยกขึ้นป่า ใช้มือรวบรัดกระสอบปุ๋ยให้แน่นบนบ่าก่อนจะเดินขึ้นคันแทนานำไปวางคลี่แช่ไว้ในแปลงนาที่มีน้ำนองรออยู่จากการสูบน้ำเมื่อวานนั่นเอง ทำเช่นนี้ 3-4 รอบ ก็ทำเอาหอบขึ้นคอ นั่นไม่ใช่เพราะอะไรแต่มันคือการแบกน้ำหนักของกล้าข้าวที่มีดินทับถมบนถาดนั้นด้วย แต่ละรอบคงปาเข้าไม่น้อยกว่า 25 กิโลกรัมก็เป็นได้
  • จึงเดินไปหยิบเชือกสีเขียวเข้มขนาดเท่าเข็มเย็บกระสอบข้าวสองม้วนก่อนจะคลี่มันออกแล้วลากดึงขึงให้ตรงจากมุมของคันนาไปยังอีกฝั่งแล้วเดินกลับทำให้เป็นร่องความห่างแต่ละเส้นประมาณ 25 เซนติเมตร นั่นคือความห่างของแต่ละแถวของต้นกล้าข้าวที่เตรียมปักดำตามเชือกที่กำลังขึงนั่นเอง
  • ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควรกับการเดินไปเดินมากับการดึงเชือกให้ตึงแล้วมัดรัดเข้ากับไม้ไผ่ที่เตรียมเป็นแบบไว้กับตะปูที่วัดระยะห่างเพื่อดึงเชือกรัดตามระยะที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะเดินมาหยิบแล้วรวบดึงเอากล้าข้าวออกจากถาดเต็มกำมือหนึ่ง เดินไปที่เชือกแล้วก้มปักดำ
การปักดำตามเชือกเช่นนี้เราจะหันหน้าเดินไปข้างหน้าไม่เหมือนการดำนาของเราในอดีตที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแล้วเดินดำหันหลังไปเรื่อย ๆ สลับกัน เราเดินปักดำไปข้างหน้าตามเส้นเชือกเรื่อย ๆ เช่นนี้จนสุด และการปักดำจะเป็นแถว หน้าละ 5 แถวเป็นหน้ากระดานปักดำไปจนสุดแถวแล้วปักดำกลับมา เมื่อสุดแถวของเชือกแล้วก็เดินไปยกไม้ที่มีเชือกผูกอยู่ยกไปวางต่อจากแถวของข้าวที่ปักไว้ เช่นนี้จนสุดแปลงนา
บันทึกลูกชาวนา
เหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าไม่รู้ว่าเกิดมาตอนไหนเมื่อไหร่ ไม่ได้สังเกตไม่ได้เจริญสติภาวนากำหนดอะไรทั้งนั้นรูปแบบของการทำนาที่ต้องใช้แรงประสาลูกชาวนา เงยหน้ามีแต่ละครั้งนั่นคือกล้าหมดมือหรือไม่ก็อาการปวดหลังปวดเอวทำหน้าที่ของมันนั่นเอง
วันแรกของการลงนาปักดำ เป็นอะไรที่ต้องทำใจสุด ๆ นั่นเพราะว่ากำลังกายที่เรายังไม่พร้อม เหมือนหักโหมมากในวันแรก ทำให้สภาพร่างกายอ่อนแอเหมือนนักกีฬาไม่ฟิตฉะนั้น ซึ่งแน่นอนที่สุดวันแรกที่ทำได้เช่นนี้ ทำได้แค่ไม่กี่แถวไม่ถึงครึ่งของแปลงนาที่แม้จะปรับขยับให้เล็กลงเพื่อประโยชน์ในการขังน้ำได้แล้วก็ตาม
นี่กระมัง ความสุขที่มีเหงื่อไคลไหลย้อยอาบใบหน้า กระทั่งเหงื่อนั้นมันหยุดลงร่องทวารเราจนลงถึงง่ามขาและปลายบาทา ขณะนี้รองเท้าบูทที่เคยสวมใส่ต้องถอดไว้บนโพนเป็นดีที่สุด แล้วทำหน้าที่ตัวเองจนคิดว่าไม่ไหวก่อนจะเดินขึ้นพักบนโพนที่ไร้เถียงนาใต้ร่มไม้กกหมากม่วงที่มีรถตุ๊กตุ๊กจอดเทียบอยู่ พอมีแฮง ก่อนจะลงงานต่อจนค่ำต่อไป
04 : [ จากห้องแคบสู่โลกกว้าง ]
โฆษณา