12 มิ.ย. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
ทำไมเศรษฐีเมืองไทย ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน
5
หากเรามากางรายชื่อเศรษฐีของเมืองไทย
จะพบว่าตระกูลเศรษฐีจำนวนไม่น้อยมี “เชื้อสายจีน”
4
โดยตระกูลที่มีชื่อเสียงและมีมูลค่าทรัพย์สินเป็นอันดับ 1 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ เจ้าของอาณาจักรซีพี
ผู้นำธุรกิจด้านการเกษตรและอาหาร รวมถึงธุรกิจค้าปลีก มีมูลค่าทรัพย์สินถึง 1,037,000 ล้านบาท
23
อันดับต่อมา คือ ตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของอาณาจักรไทยเบฟ หรือเบียร์ช้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าทรัพย์สิน 436,000 ล้านบาท
7
อันดับ 3 คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงแรม และรีสอร์ต รวมถึงร้านอาหาร มีมูลค่าทรัพย์สิน 398,000 ล้านบาท
4
ตระกูลเหล่านี้ล้วนเป็นตระกูลเศรษฐีเชื้อสายจีน
นอกจากนั้นก็ยังมีตระกูลโสภณพนิช เจ้าของธนาคารกรุงเทพ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ตระกูลล่ำซำ เจ้าของธนาคารกสิกรไทย เมืองไทยประกันชีวิต และเมืองไทยประกันภัย
3
จะเห็นได้ว่าตระกูลของนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน หรือตระกูลเจ้าสัว
ได้กลายมาเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจใหญ่โตในประเทศไทยทั้งนั้น
5
เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้จัดทำหนังสือที่ชื่อว่า “50 Years: The Making of the Modern Thai Economy” ซึ่งได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเหล่าเจ้าสัวเมืองไทย
4
แล้วอะไรกันคือปัจจัยที่ทำให้เหล่าเจ้าสัว
ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีในประเทศไทย ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
2
รู้หรือไม่ว่า ชาวจีนมีการค้าขายกับสยาม ตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว
แต่ส่วนใหญ่จะเข้ามาทำการค้าเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ปักหลักตั้งถิ่นฐานในระยะยาว
5
แต่ในเวลาต่อมา เมื่อถึงยุคล่าอาณานิคม การค้าในประเทศไทยเริ่มเฟื่องฟู
1
ชาวจีนเริ่มสนใจเข้ามาอยู่ในไทยกันมากขึ้น โดยในปี ค.ศ. 1847 มีชาวจีนที่อยู่ในไทยถึง 300,000 ราย
2
อย่างไรก็ดี ขณะที่ชาวจีนเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้มีเพียงแค่การค้าขายกันเท่านั้น
แต่พวกเขาเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอำนาจอีกด้วย
7
จากเรื่องนี้ ทำให้ชาวจีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในราชการ เช่น เสนาบดีในเมืองหลวง จนสามารถสร้างความกลมกลืนกับสังคมไทยได้ในที่สุด
2
อย่างไรก็ดี นี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
2
เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน นั่นคือ สงครามโลกครั้งที่ 2
เนื่องจากประเทศไทยนั้น เลือกอยู่ฝ่ายอักษะ หรือฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้ธุรกิจของโลกตะวันตกในไทย ต้องถูกปิดกิจการลง
6
เมื่อนักธุรกิจต่างชาติหดหาย บวกกับคนไทยในเวลานั้น ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการค้าขาย
นักธุรกิจจีนที่มีความเชี่ยวชาญจึงได้ประโยชน์
4
โดยธุรกิจที่โดดเด่นคือ ธนาคาร โดยมีนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนหลายคน หันมาตั้งกิจการกัน
3
เช่น ตระกูลโสภณพนิช ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ
ตระกูลล่ำซำ ก่อตั้งธนาคารกสิกรไทย
ตระกูลเตชะไพบูลย์ ก่อตั้งธนาคารศรีนคร ซึ่งปัจจุบันควบรวมกับอีกหลายธนาคารเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต
ตระกูลหวั่งหลี ก่อตั้งธนาคารหวั่งหลีจั่น หรือปัจจุบันคือ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
7
นอกจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ก็ยังมีอีก 2 เหตุการณ์ที่เข้ามามีความสำคัญต่อบทบาทของนักธุรกิจชาวจีนในไทย
3
1. ประเทศจีนเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม เข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์อย่างเต็มตัวในยุคเหมา เจ๋อตง
3
หากผู้คนยังอาศัยอยู่ในจีนต่อ ทรัพย์สินทั้งหมดจะต้องถูกยึดไปให้กับรัฐบาล
นักธุรกิจชาวจีนจึงต้องหาทางหนีทีไล่ เลยเกิดความคิดที่จะตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยอย่างถาวร
7
2. การดำเนินนโยบายชาตินิยม ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม
4
ด้วยการนำนโยบาย “ชาตินิยมไม่พึ่งต่างชาติ” มาใช้ และการต่อต้านคอมมิวนิสต์
ทำให้ชาวจีนถูกจำกัดให้เข้าประเทศไทยได้เพียง 200 คนต่อปีเท่านั้น จากเดิมที่มีถึงหลักหมื่นคน
รวมถึงธุรกิจค้าขายของชาวจีนก็ยังถูกกีดกันจากรัฐอีกด้วย
6
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธุรกิจของชาวจีนจึงต้องยอมแบ่งส่วนแบ่งให้กับผู้มีอำนาจทางการเมืองในไทย
เพื่อขอความคุ้มครองทางการเมืองจากการคุกคามของรัฐ
6
เราจึงเห็นว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในสมัยนั้น ได้ดึงเหล่านายพลเข้ามานั่งบอร์ดบริหาร
แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้น จะไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเลยก็ตาม
8
เช่น ธนาคารกสิกรไทย มีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นกรรมการ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นกรรมการ
3
บวกกับจุดเด่นของชาวจีน ที่มีหัวการค้าเป็นทุนเดิม มีความขยัน และมีการวางรากฐานอนาคตให้กับครอบครัว ตั้งแต่การเก็บออมเงิน มุ่งเน้นขยายธุรกิจ รวมถึงวางระบบการศึกษาที่ดีให้แก่ลูกหลาน
9
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ก็ได้ทำให้ธุรกิจของชาวจีนในประเทศไทย
ที่แม้จะเริ่มต้นมาจากกิจการเล็ก ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กิจการเหล่านั้นก็เติบโตตามเศรษฐกิจของประเทศ
จนกลายมาเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ของประเทศ รวมไปถึงเป็นกลุ่มทุนหลัก ที่จะลงทุนขยายไปยังกิจการอื่น ๆ หรือแม้แต่ซื้อกิจการอื่น
2
จากร้านขายเมล็ดพันธุ์พืช ตอนนี้ซีพีได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั้ง 7-Eleven, Makro, Lotus’s รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง True ด้วย
4
จากร้านขายหนังสือ และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ตอนนี้เซ็นทรัลได้กลายเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหลายสาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึง โรงแรม และเชนร้านอาหารมากมาย
8
ถ้าถามว่าอะไรเป็นปัจจัยในความสำเร็จของเศรษฐีเชื้อสายจีนเหล่านี้
ก็คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ
4
- Right Time & Right Place สังเกตว่า เศรษฐีจีนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ สร้างตัวขึ้นมาในช่วงเวลาก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตสูงในเวลาต่อมา
3
นอกจากนั้นพวกเขายังเริ่มกิจการค้าขายในบริเวณกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวโอกาสที่เกี่ยวข้องได้ ต่างจากคนไทยในเวลานั้น ที่นิยมรับราชการ หรือทำการเกษตรอยู่ตามต่างจังหวัด
5
- Growth Mindset เศรษฐีเชื้อสายจีนเหล่านี้ มักจะมีทัศนคติที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก เพราะพวกเขาเริ่มต้นมาจากความยากลำบาก ดังนั้นเมื่อมีอุปสรรคเข้ามา คนเหล่านี้ก็จะใช้วิธีสู้กับปัญหา ปรับตัว หรือหาวิธีแก้ไขให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้
18
- Compound Return เมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จ เศรษฐีเหล่านี้ มักจะต่อยอดความสำเร็จ โดยการนำเงินทุนที่เหลือ ออกไปขยายกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือซื้อกิจการใหม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเศรษฐีเชื้อสายจีนเหล่านี้ มักจะมีกลุ่มธุรกิจที่ทำหลายสินค้าและบริการ ขยายไปยังแนวดิ่งและแนวราบ เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างกลุ่มธุรกิจ
1
และเมื่อทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ในระยะเวลาที่ยาวนาน ก็จะทำให้เศรษฐีเชื้อสายจีนเหล่านี้ สะสมความมั่งคั่งได้ในระดับ “แสนล้านบาท” แบบทุกวันนี้..
3
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
4
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
โฆษณา