11 มิ.ย. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Breadwinner (2017) - ความมืดมนของชีวิตสตรีอัฟกานิสถาน เมื่อ "อิสรภาพ" อันตรธานไป
ท่ามกลางความมืดมน... แสงดาวจากตำนานเรื่องเล่าขานยังคงส่องสว่าง นำพาเราให้เดินต่อไป
สวัสดีครับทุกท่าน ! วันนี้ผมอยากจะมาแนะนำภาพยนตร์คุณภาพใน Netflix นั่นคือ The Breadwinner (2017)...
หลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงมานาน ในฐานะที่ตัวภาพยนตร์ได้เข้าชิงออสการ์ในปีเดียวกับ Coco (2017) ต้องบอกว่า "เยี่ยมสมคำร่ำลือ" ดังนั้นผมจึงจะมารีวิวสักเล็กน้อย เผื่อว่าท่านใดสนใจนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
The Breadwinner (2017) ได้รับการกำกับโดย Nora Twomey และมี Angelina Jolie เป็น Executive Producer
ตัวเนื้อเรื่องถูกดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกัน โดยพูดถึง ชีวิตของ "ปาร์วานา (Parvana)" เด็กสาวในกรุงคาบูล อัฟกานิสถานในยุคเรืองอำนาจของกลุ่มตาลีบัน... หลังจากที่พ่อของเธอ ซึ่งเป็นเสาหลัก (และผู้ชายคนเดียวของบ้าน) ถูกกลุ่มตาลีบันจับตัวไป ทำให้ชีวิตของปาร์วานาและครอบครัวต้องตกระกำลำบากอย่างแสนสาหัส
เธอจึงต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพื่อหาทางเลี้ยงปากท้องครอบครัวที่เหลืออยู่ พร้อมกับหาทางช่วยพ่อของเธอออกมาให้ได้
[ ความรู้สึกหลังชม ]
จุดแรกที่ชอบคือ "การสะท้อนภาพชีวิตของสตรีในอัฟกานิสถาน"...
ชีวิตของสตรีในอัฟกานิสถานนั้นไม่ง่าย และหากพิจารณาแล้ว ยังเป็นชีวิตที่น่าหดหู่ โดยความย่ำแย่ที่ว่า มีหลายดอกผสมกัน
ความหวาดระแวงของสตรีขณะเดินอยู่บนท้องถนนคนเดียว
-- ดอกที่ 1 วิถีชีวิตในกรอบวัฒนธรรมที่ชายเป็นใหญ่แบบเข้มงวดสุดขีด ทำให้ผู้หญิงหาอิสระในชีวิตไม่ได้ หากไปไหนมาไหน โดยไม่มีผู้ชายไปด้วย ก็อาจถูกตำรวจทุบตีจนบาดเจ็บอย่างหนักได้
-- ดอกที่ 2 สังคมและชีวิตในอัฟกานิสถานค่อนข้างใกล้เคียงกับสภาพของ "รัฐล้มเหลว" เป็นสังคมที่มีกฏเกณฑ์ (ที่ตั้งโดยตาลีบัน) และก็เหมือนไร้กฏเกณฑ์ในเวลาเดียวกัน... ทุกคนอาจติดคุกได้เสมอ ถ้ามีปัญหากับคนที่ไม่ควรมีปัญหาด้วย นี่จึงเป็นสังคมที่ดูแล้ว ไร้ขื่อแปจริง ๆ
-- ดอกที่ 3 สงครามและความขัดแย้งต่างวนเวียนกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และดูท่าว่า หาจุดยุติกันได้ยาก
เมื่อทั้งสามอย่างนี้ผสมกัน มันจึงส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในอัฟกานิสถานอย่างรุนแรง ในฝั่งผู้ชาย ว่าอยู่ยากแล้ว ฝั่งผู้หญิงเรียกได้ว่า มีชีวิตที่โงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว...
ตำรวจอาจมาจับตัวไปได้เสมอ หากมีข้อสงสัยว่าทำผิดกฏ
จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมอัฟกานิสถานถึงติดท็อป "ประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดในโลก" สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ไม่เอื้อแก่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีเลยทั้งสิ้น
จุดที่ชอบอย่างที่สอง คือ "เทคนิคการเล่าที่ซ้อนเรื่องราวไว้สองเส้น" (คล้าย ๆ Drive My Car) เส้นแรกคือ เรื่องราวในชีวิตจริงของปาร์วานา เส้นที่สองคือ เรื่องราวของสุไลมานในนิทานปรัมปรา...
ปาร์วานาและพ่อของเธอ (ซึ่งเสียขาไปหนึ่งข้างด้วย)
ทั้งสองเรื่องต่างมีเรื่องราวที่แยกกัน แล้วสุดท้ายทั้งสองเส้น ก็มาบรรจบกันในบทสรุป ในส่วนนี้ต้องบอกว่า เทคนิคการเล่าเรื่องในหนังมีชั้นเชิง และดูประณีต น่าประทับใจ
จุดที่ประทับใจอย่างที่สาม คือ "การเลือกใช้ลายเส้นในแอนิเมชั่น" หนังเรื่องนี้ใช้ลายเส้นที่ดูเบา ช่วยทอนความรุนแรงของเรื่อง ขณะที่ตัวเนื้อหายังคงเข้มข้น แสดงถึงความหดหู่อย่างหนักหน่วง ชนิดใครดู ก็คงต้องมีจุก... จุดนี้น่าประทับใจมาก
ฉากการคุยกันระหว่าง ปาร์วานา กับ เดโลวาห์ กลางทะเลทราย และซากรถถัง
ซีนที่ประทับใจที่สุดในเรื่อง: ฉากที่ ปาร์วานา กับ เดโลวาห์ (เพื่อนหญิงของปาร์วานาที่ปลอมตัวเป็นชาย) นั่งคุยกันถึงความฝันที่จะทำต่อไปในอนาคตกันกลางทะเลทราย โดยเดโลวาห์ฝันว่า สักวันหนึ่ง เธออยากเห็นทะเลสักครั้งในชีวิต ซีนนี้นี่นึกถึง Attack on the Titan ลอยมาเลย สะเทือนใจจริง ๆ
[ สรุป ]
The Breadwinner (2017) ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สมราคาในระดับออสการ์... เป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่คุ้มค่า ทั้งจุก สะเทือนใจ (และอาจทำให้น้ำตาซึม)
ปาร์วานาเมื่อปลอมตัวเป็นผู้ชายเรียบร้อยแล้ว
ตัวภาพยนตร์ยังทำให้เราตระหนักอีกด้วยว่า ยังมีหลายที่ในโลกกำลังรอความช่วยเหลือให้ชีวิตดีขึ้น ยังมีหลายคนที่มีชีวิตอันรันทดจากความไม่เป็นธรรมในสังคม ภัยสงคราม และการขาดสิทธิเสรีภาพในชีวิต...
ดังนั้นถ้าใครสนใจก็แนะนำนะครับ ไม่ใช่หนังดูยาก และเชื่อว่าทุกคนจะประทับใจครับ !
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา