11 มิ.ย. 2022 เวลา 23:23 • ความคิดเห็น
มาลองวิธีนี้กันดูนะครับ
เราไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เจอสถานการณ์ที่ยากลำบากได้
เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเครียดได้
แต่เราสามารถเลือกวิธีการตอบสนองต่อเหตุการณ์แย่ๆได้ด้วย
"กลยุทธ์การแทรกแซงกรอบคิด หรือ การมองสิ่งนั้นในมุมมองใหม่"
เราจึงจะสามารถแปรรูปความเครียด หรือ ใช้พลังที่ธรรมชาติมอบให้ไปในทางที่สร้างสรรค์ได้
กลยุทธ์นี้ ไม่ใช่การเยียวยา
ไม่ได้ลบความล้างความทุกข์
ไม่ได้ทำให้ปัญหาอันตรธานหายไป
ไม่ได้เ่ปลี่ยนความจริงในอดีต
แต่มันช่วยให้คุณตระหนักถึงจุดแข็ง
ทำให้คุณเชื่อมั่นในตัวเองว่าฉันทำได้
ทำให้คุณพร้อมรับมือกับความท้าทายในชีวิต
การตระหนักเช่นนี้ จะทำให้คุณรู้สึกมีความหวัง ไม่ใช่สิ้นหวัง บากบั่นต่อไป ไม่ใช่ยอมแพ้
กรอบคิดที่ 1
วิธีมองคนในมุมใหม่
คนมี 3 แบบ แบ่งตามความเข็มแข็ง
1 Nice
คนอ่อนแอ
2 Jerk ใช้กับผู้ชาย, Bitch ใช้กับผู้หญิง
คนเฮงซวย, คนก้าวร้าว, คนเข็มแข็งแบบผิดทาง
3 Nice Jerk, Nice Bitch
คนเข็มแข็งแบบถูกทาง
Jerk มีพฤติกรรมดังนี้
ชอบกลั่นแกล้ง รังแก คุกคาม ราวี อันธพาล ขี้วีน ช่างจิกกัด มุ่งร้าย ชอบกดดัน ชอบทับถม ล้อเลียน แทงข้างหลัง มีความสุขบนความเจ็บปวดของคนอื่น ไม่สุภาพ ดูถูกดูแคลนคนอื่น ไม่ให้เกียรติคนอื่น ก้าวร้าวทางคำพูดวาจา ช่างเย้ยหยัน ระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราด เสียงดัง กระแหนะกระแหน เยาะเย้ยถากถาง กดขี่ หยาม ทำให้อับอาย สร้างความเครียด ไร้ความเห็นอกเห็นใจ
ไม่เคยยอมรับว่าตนเองผิด กวนอารมณ์ ชอบหาเรื่องโจมตี พ่นเรื่องการเมือง ถามคำถามส่วนตัวแบบไร้มารยาท กดดันให้คนอื่นซื้อสินค้าที่เขาขายเป็นอาชีพเสริม อาฆาตมาดร้าย ตะโกนด่าว่า เห็นแก่ตัว เรียกร้องมากเกินไป เจ้าเล่ห์เพทุบาย เรียกร้องความสมบูรณ์แบบทั้งที่ไม่อยากจ่ายแพง หลงตัวเอง ดูหมิ่นด่าทอข่มขู่ คลั่งอำนาจ เจ้ายศเจ้าอย่าง คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร จอมโวยวาย ขี้หงุดหงิด เจ้ากี้เจ้าการ เย่อหยิ่ง
Jerk เอาเปรียบคนอื่น
- เพราะมองว่า ความใจดีมีเมตตา คือ สัญญาณของความอ่อนแอ
แทนที่จะมองว่า ความใจดีมีเมตตา คือ การสมควรที่จะตอบแทน
มอง การให้ เป็นโอกาสที่จะตักตวงผลประโยชน์
แทนที่จะมองว่า การให้ เป็นโอกาสที่จะตอบแทนคืนผลประโยชน์
- เพราะมีปมและยังก้าวข้ามปัญหาอย่างสร้างสรรค์ไม่เป็น
Nice
ยอมทนให้ Jerk เอาเปรียบ
ยอมโดนคุกคาม
ไม่หนีออกมาให้พ้นๆ ไม่สู้
- เพราะกลัวเอาตัวรอดไม่ได้
- เพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
Nice Jerk
ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบและก็ไม่ยอมเอาเปรียบใคร
- เพราะกลัวโดนเอาเปรียบ มากกว่า กลัวเอาตัวรอดไม่ได้
- เพราะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
แล้วเราจะรับมือกับปัญหานี้หรือก้าวข้ามปัญหานี้อย่างสง่างามได้ยังไง?
กลยุทธ์ในการเอาตัวรอด มี 2 แบบ
เพื่อรักษาชีวิตอันสงบสุข ตัดปัญหาอย่างชาญฉลาด ป้องกันและปกป้องตัวเองจากการกระทำอันชั่วร้าย
1 (หนี)ได้ให้หนี
คือ หลีกเลี่ยง เลิก ลดการพบเจอ รักษาเพิ่มระยะห่าง
- เพราะการหลีกเลี่ยงตั้งแต่แรกดีกว่าการหนีทีหลัง
- เพราะสมอง Jerk ชอบเห็นคนรู้สึกเจ็บปวด
- เพราะการต่อสู้กับ Jerk ต้องแลกกับการสูญเสียแสนสาหัส
เช่น ความเครียด ความโกรธเคือง
เราสามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรกพบได้มั้ย?
คำตอบคือ ได้
โดยการมองหาสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าเขาคือ คนเฮงซวย
เช่น
การไม่ใส่ใจคนอื่นโดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ให้
เขาปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร
เขามีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานอย่างไร
สังเกตพฤติกรรม คำพูด ท่าทาง
การหนี มี 2 แบบ
- หนีแบบสงบ
คือ ไม่รบกวนใคร สุขุม รอบคอบ ระมัดระวัง ไม่เสียมารยาท ไม่ทำให้ใครต้องเสียหน้า
- หนีแบบสิ้นคิด
คือ การประณามคนงี่เง่าที่คุณตัดสัมพันธ์ด้วย
จะเป็นอันตรายต่อตัวคุณ เพราะ Jerk จะอาฆาตมาดร้าย แทงข้างหลัง พูดถึงเสียๆหายๆ
2 (สู้)แล้วชนะค่อยสู้ และห้ามแก้แค้น
คือ การตอบโต้ ตอกกลับ ยับยั้ง ปฏิเสธ ขับไล่ ลดทอนอิทธิพลอำนาจ
ในแบบที่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบระมัดระวังสุขุมมีมารยาทไม่หยาบคายและหาพันธมิตรเป็นกองหนุน
เพราะ Jerk จะโกรธและอยากเอาคืนอย่างหนัก
เป้าหมายคือเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนผิด
การสู้ มี 2 แบบ
- สู้แบบชาญฉลาด
คือ เผชิญหน้าอย่างสงบ มีเหตุผลตรงไปตรงมา
- สู้แบบหยาบคาย
คือ การด่าเขาว่าคนเฮงซวยเมื่อคุณโกรธและอยู่ต่อหน้าคนอื่น
คุณจะเป็นคนเฮงซวยในสายตาคนอื่นแทน เพราะใช้คำหยาบคาย
สรุปคือ
ไม่หลีกเลี่ยงแบบสงบ ก็ให้สู้แบบชาญฉลาด ครับ
กรอบคิดที่ 2
วิธีมองการแก้แค้นในมุมใหม่
วิธีแก้แค้นคนที่เราเกลียดที่ดีที่สุด คือ การใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด
นั่นคือ การไม่แก้แค้นเลย
มันคือการเปลี่ยนโฟกัสจากสิ่งที่ไม่สำคัญไปเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเรามากกว่า
การจะทำเช่นนี้ได้ เราต้องมีเป้าหมายชีวิตก่อนครับ
สมองเราจะได้โฟกัสที่เป้าหมายปลายทางมากกว่าสิ่งเร้าที่เป็นอันตรายระหว่างทางครับ
1
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือตัวอย่างที่ผมเรียกว่า
การได้รับภูมิ3รวย-ด้านความสัมพันธ์ ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา