ภายใต้โลกของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ชื่อของคุณ Tim Cook คงเป็นหนึ่งใน CEO ที่หลายคนให้ความสนใจกับการปรากฎตัวของเขา ที่มักจะมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ จาก Apple ที่สามารถดึงเงินออกจากกระเป๋าของเหล่าสาวก Apple ได้อย่างง่ายดาย
แต่ต้องอย่าลืมว่าคุณ Tim Cook ไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง Apple มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นเคสที่หาได้ยากสำหรับ CEO ที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่แรก แต่สามารถก้าวขึ้นมามีทรัพย์สินมากขนาดที่เรียกว่าเป็น Billionaire ได้เช่นนี้
2
ในบทความนี้ Bnomics อยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับคุณ Tim Cook ให้มากขึ้น เพื่อให้เห็นว่าการก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ อาจเริ่มจากการตัดสินใจอย่างยากลำบากแค่ครั้งเดียว
📌 ก้าวแรกในวงการเทคโนโลยี
ประวัติการศึกษาของคุณ Tim Cook ดูจะเป็นเหมือนสูตรสำเร็จของคนเก่งหลาย ๆ คน เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางในเมืองเล็กๆ เรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมอุตสาหการ แล้วได้ทุนเรียนต่อปริญญาโท MBA หลังจากจบปริญญาโทในปี 1982 เขาจึงได้เริ่มงานแรกในสายคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี ที่บริษัท IBM บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกในขณะนั้น
2
ตลอดระยะเวลาการทำงาน 12 ปี ใน IBM เขาได้ดูแลทั้งสาย Intelligent Electronics แล้วก็ข้ามมาดูคอมแพคคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายมาทำงานกับบริษัท Apple ในปี 1998
📌 การตัดสินใจที่ไม่ง่าย
การตัดสินใจย้ายจากบริษัท IBM ไปบริษัท Apple นั้นไม่ง่ายเลย อย่าลืมว่าตอนนั้นคือปี 1998 เป็นช่วงเวลาก่อนที่ Apple จะผลิต iMac, iPod, iPhone, หรือ iPad ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน แถมยังมีกำไรลดลงเรื่อยๆ ถ้าพูดกันตามตรงสถานการณ์ของ Apple
ในตอนนั้นก็ช่างดูมืดมนเหลือเกิน แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจมาร่วมงานกับบริษัท Apple โดยเริ่มงานในตำแหน่ง Senior vice president ที่รับผิดชอบดูแลยอดขายและการดำเนินงานของ Apple ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในแผนก Macintosh อีกด้วย
2
หลังการมาของคุณ Tim Cook สถานการณ์ของบริษัท Apple ก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทางบริษัทเริ่มมีกำไรมากขึ้น คุณ Tim Cook เป็นคนรับผิดชอบบริหารยอดขายและการดำเนินงานทั่วโลก
1
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เขาได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงในระบบการดำเนินงานของ Apple คือ เรื่องการบริหารซัพพลายเชนและคลังสินค้า โดยเปลี่ยนมาใช้โมเดลการผลิตสินค้าแบบ Just-in-time นั่นทำให้สินค้าของ Apple ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาจากโรงงานของตัวเอง
1
แต่ใช้การจ้างผลิตแทน ซึ่งช่วยลดเวลาการผลิต ลดต้นทุน ไม่ต้องผลิตสินค้าเกินความจำเป็น เราจึงได้เห็นว่า Apple สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้วส่งออกผลิตภัณฑ์นับล้านๆ ชิ้นไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ไม่มีสินค้าค้างสต็อก
1
ประกอบกับนวัตกรรม และการทำการตลาดของ Apple จึงช่วยให้สินค้าของ Apple มีภาพลักษณ์ที่ดี สามารถตั้งราคาสูง ในขณะที่ลดต้นทุนในกระบวนการผลิตให้ต่ำได้ Apple สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทจึงดีขึ้นเป็นอย่างมาก
📌 ศักราชใหม่ของ Apple ภายใต้การดูแลของคุณ Tim Cook
ด้วยการทำงานที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ในที่สุดเขาก็ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็น CEO ของ Apple ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 ไม่กี่เดือนก่อนที่คุณ Steve Jobs จะเสียชีวิต
มูลค่าตามราคาตลาดของ Apple ในช่วงเวลานั้น อยู่ที่ราว ๆ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การเข้ามารับช่วงต่อจาก CEO ที่แสนเก่งกาจอย่างคุณ Steve Jobs จึงถือเป็นเรื่องที่น่าท้าทายเป็นอย่างมากว่าเขาจะสามารถนำพาบริษัท Apple ให้รุ่งเรืองเท่ากับอดีต CEO ผู้ล่วงลับได้หรือไม่
ถ้าถามว่าความลับของความสำเร็จอย่างล้นหลามนั้นมาจากไหน ก็ลองดูว่าคุณกำลังอ่านบทความนี้จากอะไรอยู่ ใช่ iPhone iPad หรือ Macbook หรือเปล่า? เชื่อว่าหลายๆ คน มักจะต้องมีผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างน้อยสัก 1 ชิ้น แล้วก็นับเป็นเรื่องประหลาดของผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ Apple ที่มักจะต้องซื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามมาเพื่อความสะดวกในการทำงาน นั่นแหละคือ สิ่งที่คุณ Tim Cook วางเอาไว้ มันคือสิ่งที่เรียกว่า Apple Ecosystem
2
ถ้า Steve Jobs คือผู้สร้าง Apple สร้างผลิตภัณฑ์ที่ล้ำยุค เปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค คุณ Tim Cook ก็คงจะเรียกว่าเป็นคนที่ขยาย Apple Ecosystem ออกไป ทุกวันนี้ Apple จึงเต็มไปด้วยบริการ และผลิตภัณฑ์มากมายที่มาเสริมผลิตภัณฑ์หลักอย่าง iPhone ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
เกร็ดเล็กน้อย : คุณ Tim Cook ถือว่าเป็น CEO คนแรกที่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นเกย์ ในปี 2014 และยังเข้าร่วมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ+ อีกด้วย