12 มิ.ย. 2022 เวลา 11:12 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของคำว่า กรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ต้องถามว่า ใครเล่าที่พูดถึงเรื่องราวนี้ คราวนี้ เราก็ต้องมาทำความเข้าใจ ว่าท่านมีการประพฤติปฏิบัติธรรม อย่างไรถึง พูดคำนี้ออกมา นั้นก็เป็นเรื่องราวของผู้ที่ปฏิบัติจนเข้าใจ ในเรื่องราวของคำว่ากรรม
คราวนี้ พอเราได้ยินได้ฟัง คำนี้ แล้วเราไม่ได้มีการประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลบารมีตามรอยที่ท่านทำขึ้น แล้วเราจะสามารถรู้ตามคำที่ท่านบอกมาได้อย่างไร นั้นจึงเป็นเรี่องราวของวิญญูชน ที่ทำไปตามรอยที่ท่านสอน มีการปฏิบัติเกิดขึ้น ค่อยๆทำ ขึ้น แล้วทำไปจนเป็นนิจสิน จนจิตนั้น ไม่ลุกลี้ลุกลน มีการเจ็บเล็กน้อย ก็ปฏิบัติธรรม เจ็บมากก็ปฏิบัติธรรมมีโรคภัยก็ปฏิบัติธรรม ก็ทำต่อเนื่องเป็นเนื่องนิจ
แล้ววันหนึ่ง เราก็ได้พบ สิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตา เรื่องกรรมที่เรากระทำ เคยทำเค้าไว้ เค้าปรากฏภาพให้เห็น สิ่งที่เคยทำมา เห็นเป็นภาพเกิดขึ้น ในเรื่องอดีต เรื่องที่เคยเป็นสัตว์มาบ้าง แล้วก็ทำบุญทำทานให้เค้าไป อาการเจ็บก็บรรเทาเบาบางลง เพราะเกิดเป็นการอโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
แต่ก็ยังมีเรื่องของธาตุ..หรือสีเวรสีกรรมติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ ก็ต้องปฏิบัติธรรม ให้จิตนั้นมีแสง จิตมีแสง เหมือนเราจุดเทียนของธรรมขึ้น เราสามารถส่อง ดูสิ่งที่ไม่ดี ขยับคัดสิ่งเหล่านั้นออกไป
เมื่อเรามีการเรียนรู้ประพฤติปฏิบัติธรรมเกิดขึ้น เราก็จะค่อยได้รับรู้เรื่องราว ของกรรมที่เคยสะสมมา มาปรากฏแสดงที่เรือนกายที่จิตอาศัย เป็นกรรมในอดีตชาติ ซึ่งปรากฏเป็นเรื่องราวของคำว่าจิต ..จิตที่ตกเป็นทาสของอารมณ์กรรม มีกรรมในอดีต เคยฆ่ากันมา กรรมนั้น ก็แสดงเมื่อเจอะเจอกัน อยู่เจอกันแค่นิดเดียว ก็ฆ่ากันแล้ว
ซึ่งถ้าเราไม่ได้มีการประพฤติปฏิบัติธรรม ไปให้กายนั้นนิ่ง จิตนิ่งได้ ..นิ่งที่ไม่มีทิฐิความเห็นได้ จิตไม่ปรารถนาสิ่งใด แล้วเราปล่อยให้กายนั้นสอนจิต..คือให้สิ่งต่างๆนั้นไหลออกไป เจ็บปวดอย่างไร ก็ไม่ยึดถือ คือมีขันติ ปล่อยวางไม่ไปยึดทุกขเวทนา เพราะนั้นคือกรรม จิตเราก็ไม่ไปยึด นั่นเป็นเรื่องราวของฝึกหัด
เมื่อจิตมีความขันติมีความเข้มแข็งมากขึ้น จิตเราไม่หวั่นไหว ควบคุมกายได้ เราก็จะได้ค่อยๆเรียนรู้จักเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เรื่องราวของกรรมมากขึ้น จิตก็จะเป็นจิตที่ค่อยเรียน รู้จักคำว่าอารมณ์มากขึ้น เข้าใจเรื่องอารมณ์ที่ปกปิดจิต ทำให้สมองมึนงง ปวดหัว ตัวร้อน ด้วยพิษของอารมณ์
พอเราประพฤติธรรม ไอ้สิ่งที่ว่าปวดหัวเวียนหัว ปวดตรงนี้นตรงนี้ มันหายไป เราเริ่มรู้จัก คำว่าปฏิบัติธรรมคลี่คลายกรรมได้ แต่นั้นก็เป็นเรื่องราวของผู้ที่มีบุญกุศลบารมี กระทำขึ้นมาได้ แล้วก็เอาอารมณ์นั้นออกไปได้
นั้น..ก็เป็นเรื่องราวของคำว่ากรรมที่สะสมกันมาเอง มันต้องประพฤติปฏิบัติขึ้นมา จิตจึงจะรู้จักกรรมได้ แล้วเรื่องนี้ มันไม่สามารถ รู้ได้ด้วยการอ่านเรียนหนังสือ มันต้องรู้ได้ด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม แม้แต่ระหว่างที่ประพฤติปฏิบัติ มันก็ยังมีเรื่องราว ที่คอยหลอกเราตลอดเวลา นั้นคือ เราจะรู้จักกรรมได้ ต้องปฏิบัติธรรมขึ้นมา ให้จิตรู้จักกรรม แล้วหนีกรรม เมื่อจิตไม่รู้จักกรรม แล้วจะไปหนีกรรมได้อย่างไร
มันก็เหมือนว่า อยู่กับกรรม ก็ไม่รู้จักกรรม อยู่กับอารมณ์ ก็ไม่รู้อารมณ์ อยู่กับธรรมก็ไม่รู้จักธรรม จิตก็ไม่รู้จักจิตของตนเลย แล้วก็มีชีวิตไม่รู้จัก คำว่าจิต มีแต่จิตเป็นทาสอารมณ์นำไป
แล้วก็กรรมอีกนั้นแหละ ที่ปกปิดจิตไม่ให้รู้จักกรรม เราจึงต้องค่อยแง้มๆกรรมนั้นออกไป ด้วยเรามันมีกรรม ต้องใช้แรงกายไปหาเงินหาทอง เพราะเรามีกรรม ต้องใช้ความโลภโกรธหลง ทิฐินึกคิดมากมาย เราก็แบ่งปัจจัยเล็กๆน้อยๆนั้นแปรสภาพเป็นทานบุญกุศลบารมี ให้กรรมนั้นเบาลง บุญกุศลก็จะค่อยๆแง้มจิตให้ตื่นขึ้นมารู้จักกรรม กรรมมันอยู่ตรงไหน อะไรที่ทำให้เรามีกรรม เราก็จะค่อยเรียนรู้ขึ้นมา
เรื่องราวของการประพฤติปฏิบัติธรรมนั่น ถ้าเราเจอคนที่มีความสามารถ ยกอารมณ์ทั้งหมด อารมณ์ที่ทับจิตออกไปได้ทั้งหมด เราก็จะเรียนรู้เรื่องเล่านี้ได้ง่ายขึ้น
นั้นก็เลยมีคำว่า ขอให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง พระสงฆ์ที่นี้ก็หมายถึงพระอัครสาวกที่ท่านบรรลุธรรมแล้ว ที่ท่านเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้จิตเข้าไปหาพระ ปฏิบัติธรรมขึ้นมา ด้วยเรือนกายของคุณบิดามารดาที่จิตอาศัย เรารู้จัก..พระคุณของกาย เราก็เอาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่จิตเรา
แล้วเราก็จะได้เข้าใจต่อไปอีก ว่าการสร้างบุญกุศลบารมีให้รู้จักกรรม แล้วหนีกรรม เค้าไม่ได้ทำกัน แค่ชาติเดียว เค้าทำกันไม่รู้จักกี่ชาติ กว่ารู้จักจักกรรมที่แท้จริง แล้วหนีกรรมไปได้ นี่เป็นเรื่องราวของผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ ต้องไปอยู่ป่า เข้าป่าชำระสะสางจิต โดยต้องทิ้งทุกสิ่งอย่าง เหลือแต่กายเสื้อผ้าขุดเดียวเข้า สะสางจิตให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นชาติสุดท้าย ทำเพื่อไม่เกิดอีกเลย
ส่วนเรายังไม่มีปัญญาขนาดนั้น ยังทำไม่ได้ ก็สร้างบุญกุศลบารมีไป สะสมการหนีกรรมกันเป็นชาติๆ ทำไปเรื่อยๆ ขอให้เกิดมาพบรอยคำสอนให้เราสร้างบุญกุศลไปทุกชาติ จนก็จะถึงเสันชัย หยุดการเกิด
เมื่อเรามีการประพฤติปฏิบัติธรรม ที่ดีเกิดขึ้น สร้างบุญกุศลที่ดีเกิดขึ้น เราก็ได้พบเห็น จิตของผู้ที่รู้จักคำว่าบุญกุศลบารมี ..เค้ามาอนุโมทนาให้เราประจักษ์ เหมือนให้กำลังใจ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม . เรื่องพวกนี้ก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน แล้วต้องสำรวจตรวจสอบตัวเองเป็น ..ปกติผู้ที่อยู่สูง ท่านไม่มาทำให้คนหลงใหล แล้วก็ไม่มาทำให้คนยึดถือ
ถ้าเราไปเห็นตรงนั่น มันจะเกิดปิติขึ้น ปิติที่จิตเราได้สัมผัสแสงของจิตที่มีบุญ นั่นก็คือ เทพสูงเค้ารู้จัก ร่องรอยของการประพฤติปฏิบัติธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทพสูงๆท่านก็ล้วนบอกกล่าว ให้เดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนจิตที่อยู่ในพบภูมิที่ตำ่ๆ ก็ไม่รู้จักคำว่าพระ ..มีความสำคัญอย่างไร ก็เหมือนมนุษย์เรานั่นแหละ ที่ไม่รู้จักคำว่าพระ..เหมือนกัน ถ้าเค้ารู้จัก ..เค้าก็คงไม่เอาศาสนามาหากิน ให้ตนมีกรรมหนักขึ้น เรามาเรียนรู้ในรอยคำสอนศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสนา ไม่ใช่มายึดคำสอนท่านเอาไปตั้งตัวเป็นศาสดาเสียเอง ..มันจึงมีเรื่องราวจิตหนึ่งคิดครองศาสนา อยากเป็นใหญ่ในศาสนา เราก็ไปสังเกตกันเองน่ะ
โฆษณา