Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ
บอกเล่า
•
ติดตาม
13 มิ.ย. 2022 เวลา 05:13 • นิยาย เรื่องสั้น
“ถ้าไม่ใช่วันนี้ แล้วจะวันเป็นไหน”
ฉันกระวนกระวายอยู่บนท้ายมอเตอร์ไซค์บนถนนใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เหงื่อที่ไหลอาบไม่ใช่เพียงเพราะความร้อนของปลายเดือนมีนาคมเท่านั้น แต่เป็นเพราะความกระวนกระวายใจว่าจะไปสถานที่แห่งหนึ่งไม่ทัน สถานที่แห่งนั้นจะเติมเต็มความฝันที่ฉันมีมานานให้เป็นจริง
ฉันอยากเรียนวาดสีน้ำมานานมากแล้ว ยิ่งได้เห็นในอินสตาแกรมว่าใครระบายสีน้ำโทนพาสเทลยิ่งชอบ ฉันเล่าให้ใคร ๆ ฟังว่าอยากไปเรียนบ้าง แต่ละคนก็จะส่ายหัว ไม่เข้าใจว่าจะเสียเงินไปเรียนในสิ่งที่นำมาใช้ทำมาหากินไม่ได้ไปทำไม ทั้งในที่ผ่านมางานประจำก็รัดตัวจนแทบไม่มีเวลา เป็นอันว่าแผนนี้ต้องพับไปเรื่อย ๆ
เมื่อมาทำงานอิสระ ฉันมีเวลามากพอที่จะจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมที่ชอบได้ ติดก็แต่รายได้ไม่ค่อยประจำ ทำให้จัดสรรเรื่องเงินไม่ค่อยลงตัวแทน ฉันผัดผ่อนมานานเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีเงินใช้รอดไหม จนผ่านพ้นปีใหม่ที่มีเก็บสำรองใช้จ่ายก้อนหนึ่งที่ตั้งใจเก็บไว้ใช้ในสิ่งที่ชอบ ฉันคิดว่าพร้อมที่จะเรียนแล้ว
ฉันลองสืบค้นหาคอร์สเรียนกับครูที่มีผลงานที่ชอบ มีราคาที่ใช่ เวลาที่เหมาะสม ก็ไม่ลงตัวเสียที ฉันจำเป็นต้องรอจนถึงเดือนหน้า กว่าจะได้คอร์สที่คิดว่าชอบและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
เช้านี้ก่อนเริ่มทำงานในเวลาแปดโมงครึ่ง ฉันไถหน้าจอโทรศัพท์มือถืออ่านข่าวสารในโซเชียลมีเดียไปเรื่อย จนเห็นฟีดเกี่ยวกับคอร์สวาดสีน้ำที่ฉันวางแผนจะลงเรียน มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร
ฉันรีบอินบ๊อกไปถามครูผู้สอน จึงได้รู้ว่าเดือนนี้มีการปรับการสอน ซึ่งฉันไม่ได้อยากเรียน
‘ท่าจะไม่ได้เรียนอีกแล้วสิเรา’ ความผิดหวังมันทำให้ฉันเบื่อปนหงุดหงิด ‘หาที่อื่นก็ได้’ ฉันคิดพลางเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบู๊กเพื่อหาข้อมูล ฉันไล่ดูรายละเอียดคอร์ส ผลงานของผู้สอนมีที่ชอบหรือไม่ แล้วก็ต้องตาต้องใจอยู่คนหนึ่ง ฉันรีบส่งข้อความไปถามรายละเอียดทางเพจ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เพราะคงเช้าเกินไป
ฉันไล่เรียงหาครูคนอื่น จนมาเจอคอร์สเรียนสีน้ำ ที่โปรยคำชักชวนว่าเหมาะกับคนอายุ 30+ คลิกไปดูผลงานครูและนักเรียนที่ผ่านมาก็พอใจ กดเข้าไปดูต่อในเว็บไซต์ เลื่อนดูรายละเอียดก็พบว่า มีคอร์สวันธรรมดาที่ฉันไปเรียนได้ และมีเปิดในเดือนเมษา แต่พอเช็ควันเวลาแล้วฉันก็รีบมองปฏิทินเวลาที่หน้าจอโน๊ตบุ๊ค ‘คอร์สเรียนวันแรก เริ่มวันนี้ ตอน 10 โมง’
เวลานี้ 9 โมงตรงแล้ว ฉันรีบส่งข้อความไปทางเพจเฟสบุ๊คของโรงเรียน ว่ามีที่ว่างอยู่ไหม ในไม่ช้าก็มีข้อความตอบกลับมาว่า “ว่างค่ะ”
“ถ้าไปถึงสัก 11 โมงได้ไหมคะ พอดีบ้านอยู่ไกล”
ที่พักพิงของฉันอยู่บนถนนที่มีรถติดมากจนน่าขยาด และฉันจะหงุดหงิดมากจนไม่อยากออกไปไหนในช่วงเช้าถึงสายที่การจราจรหนาแน่นเช่นนี้ หากจะต้องไปถึงที่เรียนได้ทันสิบโมง ฉันคงต้องออกจากบ้านสักก่อนแปดโมงเช้า เพราะระยะทางห้าป้ายรถเมล์ ช่วงนี้ใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบนาที
แต่ด้วยครั้งนี้รู้สึกว่าเสียงเรียกร้องของหัวใจแรงมาก ขนาดที่ค่าเรียนก็แพงเอาการ มากกว่าที่วางแผนไว้ แต่ด้วยความพอใจในคอร์สก็พร้อมลงทุน ติดที่เรื่องเวลาว่า อย่างไรก็คงไปไม่ทัน
ระหว่างกระวนกระวายใจ ก็มีข้อความตอบกลับมาว่า “ขอโทษนะคะ ถามครูให้แล้วค่ะ ครูบอกว่าไม่ทันค่ะ รอคอร์สหน้าแล้วกันนะคะ”
เหมือนมีคนมาดับไฟที่ลุกโชนขึ้นมาแล้วให้ดับวูบ ฉันนิ่งไปสักหลายวิ ก่อนทบทวนในใจ ‘ถ้าไม่ใช่วันนี้ แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน’ ถ้ารอจนถึงเดือนหน้า ฉันไม่อยากที่รอต่อไปแล้ว
ขณะนั้นเวลา 9 โมง 10 นาที ฉันถามกลับไปว่า “ถ้าสิบโมงครึ่งทันไหมคะ” ถามไปแบบนั้นทั้งที่ใจรู้ว่าไม่ทัน แต่ก็อยากจะลองถามดูก่อน ระหว่างรอคำตอบก็รีบแต่งตัวไปพลาง ๆ ก่อน
“ผมเป็นครูผู้สอนนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ และแจ้งเพื่อนอีกคนในคลาสให้นะครับ จะมาถึงกี่โมงช่วยบอกด้วยนะครับ”
วินาทีนั้นในใจลิงโลด ไม่มีลังเลใจสักนิดว่า ถ้าไปไม่ทันแล้วเขาไม่รับสอนจะต้องทำอย่างไร “กำลังรีบออกไปแล้วค่ะ” ฉํนพิมพ์ก่อนวิ่งออกจากบ้านไป เหลือเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า คงต้องลุ้นน่าดู
ในใจเวลานั้นรู้ว่าไม่ทันแน่ ๆ แต่อยากลองเสี่ยงดูให้รู้กันไป ให้ตอบตัวเองได้ว่า ฉันได้ทำเต็มที่แล้วนะ ฉันไม่ได้ถอดใจไปก่อน ฉันลงมือทำ เพราะหากอยู่อย่างเสียดาย ไม่ยอมทำอะไร ก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะมีโอกาสแบบนี้
การเดินทางนั้นไม่ง่าย ฉันรอรถเมล์อยู่สิบนาที มาถึงรถก็แน่นขนัด ต้องยืนเบียดเสียดกับผู้คน ช่วงนี้รถขาดระยะ เพราะรถติดมากและมีการจัดงานอีเวนต์ที่สถานจัดงานแห่งใหญ่ในละแวกนี้ โชคดีที่วันนี้รถค่อย ๆ ไหลไปเรื่อย ๆ และฉันก็ได้ที่นั่งก่อนขึ้นทางด่วน
วันนี้ทางด่วนไม่เป็นใจเหมือนเคย รถแน่นขนัด อาจเพราะเป็นวันศุกร์สิ้นเดือน ฉันมองนาฬิกาเหมือนจะสิ้นใจ เหลือเวลาอีกสิบห้านาที แต่ยังมาได้ไม่ถึงครึ่งทาง
“อยู่บนทางด่วนแล้วนะคะ จะรีบไปที่สุดค่ะ นี่เบอร์ติดต่อนะคะ” ฉันส่งข้อความไปทางโรงเรียนอีกครั้ง อยากให้เขามั่นใจว่าฉันไปจริง ๆ นะ
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ทางโรงเรียนตอบกลับมา
กว่าจะได้ลงทางด่วนก็ 10 โมง 35 นาทีแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งมอเตอร์ไซค์ ซึ่งปกติไม่ค่อยชอบนั่งกลางเมืองใหญ่สักเท่าไหร่ และราคาก็น่าจะแพงอยู่ ฉันเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อจะหยิบแบงค์ร้อยออกมาเตรียมไว้ แต่กลับไม่พบธนบัตรใด ๆ ในกระเป๋าเลย
‘ตายแล้ว เมื่อวานซื้อของจนหมด ลืมกดเงินเพิ่ม’ ฉันเดินไปวินมอเตอร์ไซค์พลางคิดว่าจะทำอย่างไรดี พอดีกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ดูสูงอายุแต่ใจดีมาจอดเทียบ
“พี่คะ ไปโรงแรมเอเชียเท่าไหร่” เมื่อได้รู้ราคาว่าห้าสิบบาท ที่เศษเหรียญของฉันมีไม่พอจ่าย
“ขอไปกดเงินแถวนั้นให้พี่ได้ไหมคะ หนูไม่มีตังค์เลย”
“ได้ ๆ ขึ้นมาเลย” พี่วินยิ้ม พร้อมพาฉันออกเดินทางลัดเลาะไปบนถนนที่รถแน่นขนัด แล่นลัดไปตามสถานที่ต่าง ๆ เลี้ยวในที่ที่รถยนต์ไม่มีทางไปได้ จนมาถึงใกล้จุดหมายก็หยุดรถให้ฉันลงหน้าตู้เอทีเอ็ม กดเงินเสร็จฉันคิดว่าเขาจะส่งแค่นั้น จึงยื่นเงินให้ แต่เขาโบกมือให้ขึ้นรถต่อ
“ขอบคุณมากเลยนะพี่ คือหนูไม่มีเงินติดมาเลยจริง ๆ ”
“ไม่เป็นไร บอกกันได้”
เมื่อรถหยุดฉันรีบยกมือไหว้และวิ่งไปที่ประตูโรงแรม ด้วยความที่ศึกษาสถานที่เรียนมาไม่ดีนัก จึงถามพี่ รปภ หน้าโรงแรมถึงทางไปโรงเรียนสอนวาดรูป และได้รับคำตอบว่า “อยู่อีกตึกครับ เดินไปจนเจอเซเว่น แล้วไปขึ้นลิฟต์ข้าง ๆ นั้น”
‘ยิ่งรีบยิ่งช้า’ ในใจคิดพลางสาวเท้าวิ่งไปอย่างเร็ว กดลิฟต์ไปชั้นสี่ มองดูนาฬิกาที่เข็มบอกเวลาสิบเอ็ดโมงตรง
ฉันเปิดประตูเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ มีคนนั่งตรงบริเวณต้อนรับอยู่สี่คน ทุกคนคงรู้เรื่องฉันหมดแล้ว เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ยังทันไหมคะ” พวกเขาตอบรับพร้อมชี้ให้รีบเข้าไปในห้องเรียนได้เลย
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉันเห็นครูยิ้มกว้างและโบกมือให้อย่างดีใจอยู่ในห้อง
ตลอดสองชั่วโมงที่นั่งเรียน ฉันตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ มีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ ดีใจที่ได้รู้จักครูที่คุยเรื่องเครื่องเขียนที่ฉันชอบรู้เรื่องไปหมดทุกอย่าง ทั้งยังแนะนำเรื่องต่าง ๆ ที่ฉันสนใจให้อีกมาก เหมือนกับวันนนี้ฉันได้ทำความฝันให้เป็นจริงเสียที
หากเลือกถอดใจแล้วนั่งทำงานอยู่กับบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดำเนินไปเป็นเหมือนกับวันธรรมดาทั่วไปอีกหนึ่งวัน ที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ และเปลี่ยนแปลงชีวิตใด ๆ
ถ้าไม่ใช่วันนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน หรือแท้จริงแล้ว อาจไม่มีวันนั้นเลยก็ได้
(เขียนไว้เมื่อสามปีที่แล้ว ^^)
เรื่องเล่า
สีน้ำ
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย