15 มิ.ย. 2022 เวลา 13:14 • นิยาย เรื่องสั้น
น้ำปลอบใจ
ฉันยืนอยู่หน้าตู้เย็นในห้อง ในใจร่ำร้องอยากจะกินกาแฟแทบแย่ แต่ฉันไม่ได้ซื้อเก็บไว้เลย เพราะอยู่ในช่วงลดชาไข่มุก กาแฟ และน้ำหวานที่ไม่ดีต่อสุขภาพทุกชนิด มองไปทางซ้ายของตัวเองก็เห็นขวดน้ำเปล่าเรียงราย เพียงหยิบแก้ว เปิดฝา และเท ก็ดื่มแก้กระหายได้สบาย ๆ
แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้แค่กระหาย ฉัน ‘อยาก’ ดื่มอะไรก็ได้ ที่ให้ความสดชื่นและเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับงานชิ้นสำคัญตรงหน้าได้รอดตลอดทั้งวัน
เพราะการหาข้ออ้างในการกินของโปรดเพื่อทำงานให้ลุล่วงที่ว่านี้ ทำให้ฉันอ้วนขึ้นโดยไม่รู้ตัว น้ำหนักพุ่งพรวดไปถึงห้ากิโลกรัมเพราะหาเรื่องกินชาไข่มุกทุกบ่ายสามโมงเย็น
ทำไมต้องเป็นเวลานี้น่ะเหรอ – ก็เพราะเป็นแรงกายในการทำงานกำลังจะมอด ต้องการของหวานมาต่อแรงใจ กินไปกินมาทุกวัน เพราะคิดว่ามันคือ “รางวัล” จากการทำงานเหนื่อยหนัก ซึงมันก็ทำหน้าที่ให้ความสุขใจได้ในฉับพลัน แต่ในระยะยาวนั้น มันทำให้เกิดความทุกข์จากรอบเอวที่หนาขึ้นจนเกือบติดกระดุมกางเกงไม่ได้
น่ากลัวแค่ไหนที่ผู้หญิงวัยเกินสามสิบเริ่มอ้วน การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ อีกทั้งการทำงานที่นั่งอยู่แต่หน้าจอ ทำให้ฉันไม่ชอบเคลื่อนไหว ออกกำลังกายก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง จนในที่สุดก็ยุติปัญหาด้วยการงดสิ่งที่เป็นปัญหา นั่นคือ น้ำหวานทุกชนิด แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่า
สองวันแรกผ่านไปด้วยดี มีความมุ่งมั่นแรงกล้า ฉันดื่มแต่น้ำเปล่าและน้ำขิงปราศจากน้ำตาลเท่านั้น แม้สามโมงเย็นเริ่มกระสับกระส่าย อยากดื่มน้ำอะไรหวาน ๆ เหมือนเคย แต่ก็อดใจไว้ ทำงานไปกินผลไม้ไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร
แต่วันที่สามเท่านั้นแหละ เหมือนที่สิ่งที่เก็บกดไว้ประทุออกมา หลังจากดื่มน้ำเปล่าตลอดช่วงเช้ามาได้ แต่ตกบ่ายฉันรู้สึกไม่ไหว ใจมันงอแงจะไม่ทำงาน รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน ใจไม่อยู่กับงานตรงหน้า ‘อยากกินอะไรหวาน ๆ ’ ฉันคิดวนเวียนเหมือนคนเป็นบ้า พยายามกินน้ำเปล่าแทนเข้าไปก็ไม่หาย สงสัยวิธีหักดิบจะเริ่มใช้ไม่ได้ผล
อยู่ดี ๆ เหมือนขาดสติไปชั่วขณะ หยิบแก้วใบโปรดแล้วรีบออกไปร้านกาแฟทันที ฉันสั่งเมนูโปรด นั่งดูดอย่างสบายใจ และอารมณ์ดีขึ้นได้อย่างประหลาด ทำงานได้ขะมักเขม้นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากวันนั้นใจฉันก็พยายามดื้อดึงจะออกไปหาน้ำหวานดื่มให้ได้ แต่อีกใจก็ค้านว่าถ้าทำอย่างนั้นจะได้อะไร มันก็เหมือนกับที่ผ่านมา ในที่สุดฉันพยายามหาข้อมูลว่า คนที่ลดน้ำหวานเขาทำกันอย่างไร
ในที่สุดก็พบว่า พวกเขาจะหาน้ำหวานพลังงานต่ำและดีต่อสุขภาพมาดื่มกัน ฉันจึงเรียกน้ำพวกนี้เอาเองว่า ‘น้ำปลอบใจ’
น้ำพวกนี้ ไม่ได้อร่อยเท่ากับกาแฟและชาไข่มุกที่ฉันชอบหรอก เพียงแต่มันมีความหวานน้อย หรือใช้ความหวานจากผลไม้ เป็นรสหวานอ่อน ๆ ไม่ทำร้ายสุขภาพ นับแต่วันนั้น ฉันก็ซื้อตุนไว้เพื่อดื่มให้หายอยาก และปลุกพลังระหว่างวัน ซึ่งมันก็ใช้ได้ มันปลอบใจให้ฉันทำงานต่อไปอย่างไม่ทุรนทุรายนัก
วันทั้งวันที่ทำงานหนัก เพียงแค่มีเวลาหยุดพัก ดื่มน้ำที่ชอบ ก็เป็นการผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันอาจไม่ได้ความหวานอร่อยสุดใจ ให้ความสุขเต็มร้อยเท่ากับน้ำหวานที่เคยเป็น “รางวัล” ในการทำงานหนัก แต่ฉันกลับเริ่มหลงรักรสหวานอ่อน ๆ ที่ค่อย ๆ ให้ความสดชื่นเมื่อเราละเลียดไปทีละน้อย ถึงไม่ได้รสชาติชวนติดใจให้หายหา แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเติมเต็มชีวิตได้ ราวกับมันค่อยๆ ปลอบประโลมใจให้ฉันได้จริง ๆ
และน่าแปลกที่พอฉันรู้ว่ามีน้ำปลอบใจพวกนี้อยู่ในตู้เย็น เหมือนฉันจะไม่โหยหาน้ำหวานนอกบ้านเท่าไหร่นัก นอกจากมันจะปลอบใจและยังทำให้อุ่นใจว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เหนื่อยล้า จะมีรสหวานอ่อนสดชื่นให้ได้ละเอียดพอผ่อนคลายหายเหนื่อยได้เสมอ
การหักดิบอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในหลายเรื่อง แต่สำหรับเรื่องที่ชอบและทำมานานเป็นความเคยชิน ยิ่งตัดอาจจะยิ่งไม่ขาด เมื่อก่อนฉันอาจไม่ชอบวิธีการค่อยเป็นค่อยไป เพราะอยากเห็นผลได้แบบเร็ว ๆ แต่สุดท้ายก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เราอาจจะทำไม่ได้เลยก็ได้
ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าการที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่เรื่องเสียหาย หาสิ่งอื่นที่ดีกว่ามาทดแทนก็ได้ ถ้ามันทำให้เรามีความสุขเกือบเท่าเดิม อาจดูเป็นคำปลอบใจของคนพ่ายแพ้ แต่ก็ถ้ามีความสุขและไม่ทำร้ายตัวเอง ก็เป็นอีกวิธีที่ดีเช่นกัน
ไม่น่าเชื่อว่าบางวัน ฉันก็ดื่มแต่น้ำเปล่า ไม่ได้หยิบน้ำปลอบใจพวกนี้ออกมารินเลย แต่ในทางตรงข้าม ถ้าฉันไม่มีพวกมัน ฉันก็อาจจะต้องหันกลับไปกินชาไข่มุกและกาแฟเหมือนเดิม นั่นเท่ากับว่า ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาในทางที่ดีขึ้นเลย
ไม่ร้ายกับตัวเองจนเกินไป และปลอบประโลมใจได้ น่าจะเป็นทางออกที่เห็นผลที่ดีได้ในระยะยาว อย่างน้อยก็ในเรื่องการลดน้ำหวานของฉันนี่แหละ :)
โฆษณา