Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KBank Live
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
24 ก.ค. 2022 เวลา 00:00 • ไลฟ์สไตล์
DCA Dollar Cost Averaging เป็นวิธีการลงทุนรูปแบบหนึ่งเพื่อกระจายความเสี่ยงในสถาณการณ์ตลาดผันผวน
รวมทั้งยังช่วยให้นักลงทุนสามารถไปถึงเป้าหมายการลงทุนที่ตั้งไว้ได้ 🎯
เก็บเงินได้ตามเป้า เริ่มต้นง่ายด้วย DCA
●
Dollar Cost Averaging (DCA) เป็นวิธีลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในยามตลาดผันผวนได้ และช่วยให้มีโอกาสถึงเป้าหมายการเงินได้ สำหรับผู้ที่อยากออมเป็นรายเดือน หรือ ผู้มีเงินได้ประจำ
●
Wealth Plus ทางเลือกหนึ่งเพื่อช่วยวางแผนการลงทุน เหมาะกับคนที่ต้องการมีรายได้เสริมจากการลงทุน นักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุน นักลงทุนที่จับจังหวะการลงทุนไม่ถูก หรือ นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุน ด้วยเงินจำกัด
●
ถึงแม้ Wealth Plus จะช่วยติดตามการลงทุนให้ รวมถึงช่วยปรับสัดส่วนการลงทุนให้ (Rebalance) นักลงทุนควรหมั่นเข้าไปติดตามผลการดำเนินงานทุกๆ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย
แนวทางการสร้างความมั่งคั่งด้วย Dollar Cost Averaging (DCA) 💰💸
ผู้ลงทุนที่มีรายได้ประจำหรืออยากออมเป็นประจำ ในสถานการณ์ความไม่แน่นอน ได้แต่รอซื้อของถูก ไม่เจอของถูกในสายตาเรา สรุปไม่ได้ลงทุนซักที
การลงทุนด้วยวิธี Dollar Cost Averaging (DCA) ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน และยังถือเป็นการตัดสินใจให้ลงมือลงทุนได้ โดยแนวทางมีดังนี้
1. เริ่มกำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ได้ก่อน
การกำหนดเป้าหมายการลงทุน ดูเป็นคำพูดแบบวิชาการ แต่ก็เป็นหลักการเบื้องต้นของการคำนวณความเป็นไปได้ทางตัวเลข เพื่อประเมินทางเลือกการลงทุน
เช่น ลักษณะกำหนดเป้าหมายชัดๆว่า อยากมีเงินดาวน์บ้านในอีก 2 ปีข้างหน้า จำนวนเงิน 500,000 บาท
ซึ่งระบบจะประเมินคำแนะนำ(สัดส่วนการลงทุน)ให้สอดคล้องกับกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุน เพื่อให้กำหนดเป้าหมายการลงทุนได้
2. ประเมินทางเลือกของตนเองในการลงทุน
กลับมาดูว่าแต่ละบุคคลมีตัวเลือกในการลงทุนอย่างไรบ้าง
เช่น มีเงินก้อนเท่าไหร่ มีเงินออมรายเดือนเท่าไหร่ เมื่อมาขมวดกับเป้าหมายทางการเงิน เช่น มีผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี ด้วยระดับความเสี่ยงสูงมาก
จะทำให้ประเมินได้ว่า สัดส่วนลงทุนเป็นช่วงๆตามคำแนะนำจากแบบประเมินความเสี่ยงของ ก.ล.ต. เงินฝาก/ตราสารหนี้ระยะสั้น ไม่เกิน 5% ตราสารหนี้ระยะยาว ไม่เกิน 30% ตราสารทุน มากกว่า 60% และการลงทุนทางเลือกไม่เกิน 30% แบ่งทั้งเงินก้อน และเงินออมรายเดือน
ตัวอย่างในการวางแผนการลงทุน
นายสมชาย รับความเสี่ยงได้สูงมาก (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8)
ประเมินผลตอบแทนคาดหวัง (จากผลการดำเนินงานในอดีตร่วมกับการคาดการณ์การเติบโตของภาวะตลาดเงินตลาดทุนในอนาคตด้วย) อยู่ที่ 7.62% ต่อปี
วางแผนเก็บออมเงินดาวน์บ้านในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยเงินก้อนแรก 150,000 บาท และเงินออมรายเดือน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี (เริ่มออมตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 ถึงเดือน เม.ย. 70 จะทำให้คาดการณ์เงินก้อน 297,000 ในเดือน เม.ย. 70)
ซึ่งยังไม่ถึงเป้าหมาย 500,000 ระบบจะประเมินแนวทางแก้ไขไว้ 3 ทาง คือ
■
ปรับเพิ่มเงินลงทุนครั้งแรก เป็น 325,000 บาท หรือ
■
ปรับเพิ่มเงินลงทุนรายเดือน เป็นเดือนละ 13,200 บาท หรือ
■
ขยับระยะเวลาของเป้าหมายออกไปเป็นเดือน ส.ค. 69 ทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมายตามที่คุณสมชายวาดหวังไว้ได้ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของนายสมชายที่จะเริ่มต้นลงทุน
Wealth Plus คือตัวช่วยให้การสร้างความมั่งคั่งของคุณง่ายขึ้น
จากตัวอย่างคุณสมชาย ให้ Wealth Plus ช่วยวางแผนการลงทุน เริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายการลงทุน ไม่ว่าจะเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง หรือเป้าหมายการเงินก็ตาม
หลังจากนั้น จะคาดการณ์ผลตอบแทนตามระดับความเสี่ยง พร้อมแนะนำสัดส่วนการลงทุนและกองทุนที่แนะนำ
หากเป้าหมายยังไม่สำเร็จ จะมีแนวทางปรับปรุงแผนให้เลือก เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ที่เหลือเพียงตัดสินใจลงมือทำ หากต้องการเริ่ม กดปุ่มเปิดบัญชีได้เลย
ลงทุนใน Wealth Plus วางแผนการเงินได้อย่างไร
ก่อนตัดสินใจลงทุน หากต้องการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการลงทุน ทำได้โดยเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงของแผน โดยระบบจะกำหนดอัตราผลตอบแทนคาดหวังให้เหมาะสมกับความเสี่ยง
ตัดสินใจลงทุนไปแล้ว จะมีการติดตามแผนการลงทุนเป็นรายแผน (หากมีมากกว่า 1 แผน) สามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ว่า เมื่อลงทุนผ่านไประยะเวลาหนึ่ง
เช่น 1 ปี ควรจะมีเงินจำนวน 200,000 บาท มูลค่าตลาดของกองทุนต่างๆเป็นอย่างไร สูงกว่าหรือต่ำกว่า 200,000 บาท จะแสดงเป็นรูปกราฟผลการดำเนินงานและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อจะปรับเปลี่ยนแผนเองเพิ่มเติม
เช่น เพิ่ม-ลดเงินลงทุนตั้งต้น เงินลงทุนรายเดือน ขยายเวลาในบรรลุเป้าหมาย ปรับสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเอง ทำได้โดยเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงของแผน เหมือนก่อนตัดสินใจลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น ก็ปรับลดระดับความเสี่ยงของแผน จะทำให้ลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ปลอดภัย เป็นต้น
ดังนั้น Wealth Plus จะเป็นตัวช่วยทั้งก่อน-หลังตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีเวลาติดตามสถานการณ์ลงทุน ปีละ 1-2 ครั้ง หากคนที่มีเวลาติดตามสถานการณ์ลงทุนได้มากกว่านี้ แนะนำให้จัดสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเอง จะเหมาะสมกว่า
สำหรับใครที่จะเริ่มต้นลงทุน แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกลงทุนอะไรในช่วงตลาดผันผวน เลือกลงทุนเสี่ยงต่ำ เพื่อเน้นไม่ให้เงินต้นหาย ผลตอบแทนก็น้อย ในขณะที่อยากคาดหวังผลตอบแทนสูงเพื่อชนะอัตราเงินเฟ้อ ก็ยังมีความไม่แน่นอนของราคาสินทรัพย์นั้นอีก
ดังนั้น ใครที่มีเป้าหมาย ไม่ว่าจะมีเป้าหมายเป็นเงินก้อน หรือ เพียงอยากสร้างผลตอบแทนที่ดี Wealth Plus เป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดการเงินของคุณให้งอกเงย ไม่ว่าจะเป็นเงินก้อน หรือ เงินรายเดือน ก็ตาม
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
บทความโดย K WEALTH GURU สุนิติ ถนัดวณิชย์ CFP®
◼ เพิ่มเพื่อน เพื่อรับข่าวสาร Click :
https://kbank.co/3yrdFYF
หรือ
◼ ไม่อยากพลาด ข่าวสารดีดี อย่าลืมกดติดตาม Click :
https://kbank.co/391UOc9
#KBankLive
dca
วางแผนการลงทุน
วางแผนการเงิน
1 บันทึก
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย