14 มิ.ย. 2022 เวลา 07:18 • ปรัชญา
ท่ามกลางดินฟ้าอากาศในโลก มีจิตที่มีกรรมนำมาเกิด เป็นสภาพของอวิชชาปรุงแต่ง มีเลือดมีเนื้อที่ปรุงแต่งเกิด เป็นลักษณะของเนื้อหนังที่เป็นกรรม มีชีวิตมีหนังหุ้มห่อ กระดูกให้เดินไปเดินมา ต้องกินเนื้อหนังของผู้อื่นมาหล่อเลี้ยงสังขารตน ให้สังขารนี้แข็งแรง เคลื่อนไหวไปหากิน หาความเพลิน..ที่มีหูตาจมูกลิ้นกายใจ ไปสัมผัสสิ่งนั้นสิ่งนี้
แล้วก็มีความทำเยอทะยาน มีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้น มีอารมณ์..เป็นม่านหมอก เงาดำ ปกคลุมไปทั่วทั้งกาย สมองนั้นก็ถูกเงาดำนั้นปกคลุมอีกเหมือนกัน สมองนั้นเมื่อมีอารมณ์ปกคลุม ก็ส่งสัญญาณออกไป เป็นเส้นทางของอารมณ์ไหลไปตามร่างกาย มีความเจ็บปวดแสบร้อนในเส้นทางที่กระแสอารมณ์นั้น ผ่านไปตามกาย จิตก็ต้องรับเวทนาของอารมณ์ที่ไหลวนในในกายทั่วทุกอณู ที่มีความเจ็บปวดของ อารมณ์ที่ไหลผ่านไป
จิตนั้นทนความเจ็บปวดของอารมณ์ที่เกิดขึ้นในกายไม่ไหว กายหงุดหงิด ..อารมณ์โมโห โกรธโลภหลง ก็เกิดขึ้นในเรือนกายนี้เหมือนกัน นั้นก็เหมืนนกับว่า ทั้งกายทั้งใจของเราทั่งทุกตัวตน ล้วนจมอยู่ในห้องมหาสมุทร ที่มีน้ำเป็นสีดำของความโลภโกรธหลงจมอยู่ทั่วทุกตัวตน ล้วนจมอยู่ในห้องมหาสมุทรนี้ แล้วก็ต้องทิ้งกายทิ้งกระดูกทับถมกันอยู่เช่นนี้
เรื่องน้ำในห้องมหาสมุทรนี้ ทั้งมนุษย์และสัตว์ ต่างก็ใช้ชีวิต แหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำ ของอารมณ์โลภโกรธหลง ที่เป็นกระแสปรุงแต่ง แจกไปตามแต่ละกายสังขารที่ประกอบขึ้นมาด้วยกรรมของแต่ละดวงจิต ที่เกิดในสถานที่ต่างๆ
การกระทำต่างๆจึงหลีกหนี กระแสน้ำโลภโกรธหลงนี้ไปไม่ได้เลย เหมือนปลาที่แหวกในท้องมหาสมุทร กายวิญญาณการสัมผัสต่างๆ ก็เกิดเป็นอารมณ์ปรุงแต่งของกระแสคลื่นของอารมณ์นึกคิด ..มีกายที่เปลี่ยนแปลงไป ค่อยโต แล้วค่อยเสื่อมลงไป การใช้กายก็อ่อนแรงลงๆ ไม่มีกำลังแหวกว่ายไปได้
ที่สุดก็ค่อยๆแก่ไป แล้วกายนี้ ก็ตายเสื่อมสลาย หายไป รูปกายที่เคยปรากฏเป็นรูป ก็ไม่ปรากฏเป็นรูปอีกอีกเลย เหมือนกองทรายที่ก่อเป็นรูปมนุษย์ ที่กองทรายนั้นพังทลาย ไม่เหลือเป็นรูปมนุษย์ให้เห็น เม็ดทรายก็จมสู่พื้นดิน ผู้ที่เกิดมาใหม่ ก็เดินเหยียบย่ำบนพื้นทราย เหยียบย่ำทรากกระดูกเม็ดทรายที่เคยก่อเป็นกายมนุษย์
แล้วเม็ดทรายเหล่านี้ ก็ก่อตัวใหม่เป็นรูปมนุษย์ขึ้นมาใหม่ เป็นรูปสัตว์ต่างๆให้จิตน้อยเข้าไปสถิตย์ หมุนเวียน แหวกว่ายในท้องมหาสมุทร เป็นอยู่เช่นนี้ มาชั่วกาลนาน เกิดๆตายๆ กันอยู่ในท้องมหาสมุทรนี้ ไม่รู้จักจักคำว่า เบื่อเลย เพราะมันสนุกสนาน หลงใหล ในกระแสน้ำนี้ มีน้ำร้อนน้ำเย็น ทุกข์โศก พอใจไม่ชอบ ก็ดิ้นรนแหวกว่ายอยู่ในท้องน้ำ หนีจากท้องน้ำท้องมหาสมุทรไปไม่ได้
ไม่เคยมีใครออกจากห้องมหาสมุทรนี้ ขึ้นไปเหนือผิวน้ำนี้ได้ นั้นก็จึงมีเรื่องราวของบัวสี่เหล่า ใต้น้ำ..ลึกไปใต้น้ำแคไหน บัวที่กำลังโผล่ชูขึ้นเหนือน้ำ โผล่ขึ้นมาเป็นบัวตูม บัวบาน ให้จิตพ้นอวิชชาขึ้นมา น้ำดำ ..ดำด้วยโลภโกรธหลง ก็ไม่มาปกคลุมทั้งกายทั้งจิต
แล้วจะทำอย่างให้พ้นน้ำดำๆนี้ได้ ใครรู้จักวิธีการให้กายนี้จิตนี้ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ พ้นน้ำได้ ช่วยแนะนำด้วยน่ะ จะได้พ้นน้ำดำๆ เห็นแสงตะวัน ไม่มีน้ำดำๆ มาปกปิด หูตาจมูกลิ้นกายใจ ตลอดเวลา จะได้พ้นน้ำเห็นตะวันที่ไม่มีม่านบังตากับเค้าสักครั้ง
โฆษณา