14 มิ.ย. 2022 เวลา 12:21 • บันเทิง
เมื่อวานนี้ ผมไปดู "เดี่ยว 13" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "เดี่ยวไมโครโฟน" ของโน้ส อุดม แต้พานิช ที่สยามพารากอนมาครับ อยากรีวิวให้ฟังแบบไม่สปอยล์นะครับ ว่าผมรู้สึกอย่างไรบ้าง
1
ผมสารภาพก่อนว่า ผมไม่เคยดูเดี่ยวไมโครโฟนแบบสดๆ มาก่อน คือก็ได้แต่ดูในดีวีดีนั่นแหละ แต่ครั้งนี้ ภรรยาอยากมาดูจริงๆ ก็เลยซื้อตั๋วราคาใบละ 5,000 ให้กระเป๋าแห้งกันไปข้าง นั่งแถว 2 จากหน้าเวทีมันซะเลย คืออยากสัมผัสบรรยากาศ ให้เห็นสีหน้าค่าตา ของคุณโน้สกันชัดๆ เลย
ตามปกติ เดี่ยว 13 จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่เจอวิกฤติโควิดระบาดเข้าไป ไม่สามารถรวมกลุ่มคนนับพันเพื่อจัดอีเวนต์ได้ ทำให้โน้ส อุดม ไม่มีทางเลือก ต้องเลื่อนโชว์ถึง 3 ครั้ง
1
กุมภาพันธ์ 2564 > สิงหาคม 2564 > เมษายน 2565 และ สุดท้ายมาเคาะกันจริงๆ ที่ มิถุนายน 2565
ช่องว่างของ เดี่ยว 12 กับ เดี่ยว 13 ห่างกันถึง "3 ปี 10 เดือน" ซึ่งในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โน้ส อุดม จะจัดเดี่ยวตลอดแบบปีชนปี ไม่เคยเว้นว่างนานขนาดนี้
1
สำหรับเขาเอง นี่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน คนที่ไม่ได้ขึ้นเวทีนานๆ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ความคมในการเล่า จะยังเหมือนเดิมหรือไม่
4
สิ่งที่ยากมาก สำหรับโน้ส อุดม อีกอย่างคือ การเลื่อน 3 รอบ แปลว่ามุกต้องเปลี่ยนถึง 3 ครั้ง มุกบางอย่างที่อาจจะใช้เวลาคิดอย่างดิบดี เวลาผ่านไป เมื่อมัน Out ไปแล้ว ไม่มีความร่วมสมัย ก็ไม่สามารถหยิบมาใช้ได้
1
นอกจากนั้น ช่วงเวลาที่เดี่ยวไมโครโฟนถูกเลื่อน เขาเองก็ไปบวชเป็นพระภิกษุที่จังหวัดเชียงราย จากนั้นได้เวลาที่เหมาะสมก็สึกออกมาจัดโชว์ ซึ่งมันก็เลยเกิดคำถามว่า "ทิดโน้ส จะไหวไหมเนี่ยะ"
1
ผมดูการแสดงรอบวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน นะครับ ก่อนไปดูก็มีการอ่านรีวิวมาบ้าง ซึ่งความเห็นก็ Mixed กันสุดๆ แง่บวกก็ไม่น้อย แง่ลบก็เยอะ บางคนให้ 5 เต็ม 10 ก็มี ซึ่งสุดท้าย เราก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่ามันดีหรือแย่กันแน่อะนะ
3
แต่ออกตัวก่อนว่า รอบของผม (13 มิถุนายน) เป็นรอบที่ 4 แล้ว ดังนั้นความผิดพลาดใดๆ ในรอบที่ 1 2 และ 3 ตัวคุณโน้สเองก็มีเวลาปรับจูนให้มันดีขึ้นกว่าเดิม คนที่ดูทีหลัง อาจได้เปรียบกว่าคนที่ดูรอบแรกๆ ก็ตรงนี้
1
หลังจากดูจบไปแล้วเมื่อคืนกับความยาวโชว์ 2 ชั่วโมง 30 นาที ขอเล่าความรู้สึกดังนี้ละกัน แบบไม่สปอยล์นะครับ
2
-------------------------
1
[ ข้อที่ชอบ ]
1- โน้ส อุดม มีน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม การจะพาคนดูอยู่กับเราตลอดจนจบอีเวนต์ สองชั่วโมงกว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โน้สทำได้ น้ำเสียงของเขา ฟังง่าย ฟังได้เรื่อยๆ
2
2- เริ่มต้นได้ดี และจบได้ Strong มาก ตั้งแต่ดูเดี่ยวมาทั้งหมด ผมว่าช่วงไดรฟ์เข้าสู่ตอนจบ ในเดี่ยว 13 เป็นอะไรที่ทรงพลังมากที่สุดแล้ว ผมกับแฟนก็รู้สึกประทับใจนะ ว่าเขาเลือกเรื่องที่จะพูดได้ไม่เลวเลยจริงๆ
1
3- โน้ส เข้าใจแบ็กกราวน์ของประเทศเป็นอย่างดี เขารู้ว่าทิศทางการเมืองตอนนี้เป็นอย่างไร การพูดเรื่องการเมืองในยุคนี้ ทำได้ไม่ง่าย เพราะคุณจะโดนทัวร์ลงได้ทุกเมื่อ ในเดี่ยว 13 โน้ส พูดเรื่องการเมืองไป 4 ครั้ง และผมคิดว่าเขาใช้คำฉลาด ไม่บ้ง ไม่พลาด
6
4- ฉากแปลกดี ผมเพิ่งดู Stranger Things ซีซั่น 4 ไป ได้ฟีลนั้นเลย เหมือนเจอสัตว์ประหลาดในโลกกลับด้าน ไอเดียการตกแต่งเวทีถือว่าไม่เลว
2
5- รูปแบบเวที จากเคยเป็นเวทีใหญ่ๆ ยาวๆ แบบคอนเสิร์ต ก็กลายเป็นเวทีเล็กๆ ในสไตล์ของ Stand Up Comedy คือให้คนดูมาโฟกัสที่จุดเล็กๆ ซึ่งผมคิดว่าออกแบบดีนะ
2
6- เจ้าหน้าที่จัดการ เข้า-ออก ได้ Smooth มาก ตอนโชว์จบ มีการบอกว่า ให้ Zone นี้ลุกก่อน พอเคลียร์โซนนึงเสร็จ ก็ปล่อยคนโซนต่อไป ทำให้มันไม่มั่ว ผมดูจบ เดินไปลงลิฟท์ ขึ้นรถกลับบ้านแบบง่ายดายมากๆ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย (ใครจอดรถพารากอน ได้ปั๊มจอดรถฟรีด้วยนะ)
4
-------------------------
[ ข้อที่โดนวิจารณ์ ]
1- ในยุคนี้ โลกเราเปลี่ยนไป อธิบายคือ มุกบางอย่างคุณเล่นไม่ได้แล้ว เช่น เหยียดเชื้อชาติ เหยียดรูปร่าง เหยียดเพศ การไปกล่าวถึงคนอื่น อาจเป็นการบุลลี่ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น โน้สก็จะโดนประณามแน่ๆ อย่างมุก "อาร์ตตัวแม่" ในเดี่ยว 7 ผมว่าถ้าเขาเอามาเล่นในวันนี้ จะกลายเป็น Sexism ไปเลย
4
ดังนั้น การแก้ปัญหาของโน้สคือพาดพิงคนอื่นน้อยมาก และเน้นการเล่นมุกที่ "เล่าเรื่องตัวเอง" เป็นหลัก สิ่งที่เขาเผชิญมาตลอดช่วง 3 ปีมานี้ ซึ่งมันก็สนุกดี แต่ว่ากันแฟร์ๆ มันก็สนุกได้มากกว่านี้นะ
1
2- บางมุก ที่คนเริ่มฮาแล้ว ผมว่าโน้สสามารถไปต่อได้ ขยี้ต่อให้มันตลกสุดๆ ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ อันนี้โน้สอธิบายว่า การต้องเล่นโชว์ โดยคนดูใส่ Mask ทั้งฮอลล์ พอไม่ได้เห็นสีหน้า ไม่ได้เห็นว่าคนดูหัวเราะหรือไม่ เขาเองก็จับจังหวะไม่ถูกเหมือนกัน
6
3- ช่วงเริ่ม กับ ช่วงจบอาจจะ Strong มาก แต่ช่วงกลางๆ ผมว่าเขา Deliver คือเปลี่ยนผ่าน จากเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องหนึ่งยังไม่ค่อยดี
3
ผมยกตัวอย่างตอนเดี่ยว 7 นะครับ เขาเริ่มเล่าจากเรื่องเด็กไทยเป็นพวกไม่กล้า ชอบทำอะไรเซฟๆ ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ค่อยคิดสร้างสรรค์ แล้วก็โยงไปว่า ก็เพราะไม่มีโอกาสได้เสพย์งานศิลปะ (Art) พวกภาพ Abstract ที่ช่วยเพิ่มจินตนาการ
1
จากนั้นก็ส่งต่อไปที่มุกว่า หลายคนก็บ่นว่า โอ๊ย ในไทย หอศิลป์ก็ไม่มี พิพิธภัณฑ์ก็หายาก โน้สก็เลยบอกว่า งั้นเอางี้สิ ไปดู "Art ตัวแม่" หรือนิสัยของผู้หญิงกัน ที่คาดเดาไม่ได้เหมือนภาพ Abstract เลย
1
คือการ Transition เปลี่ยนผ่านจากมุกสู่มุก ผมว่าเดี่ยวครั้งก่อนๆ ทำได้ดีกว่านี้นะ
4- อันนี้เป็นปัญหาของผมเอง คือ ผมนั่งแถวหน้าๆ ตรงกลาง แล้วทีนี้ VTR ก่อนเริ่มโชว์ มันจะเปิดในจอมอนิเตอร์ยักษ์ ด้านซ้าย-ขวา แต่คนที่อยู่ตรงกลางหน้าๆ ไม่รู้จะดู VTR ยังไง ให้เห็นเหตุการณ์ไปพร้อมกันด้วย ก็ได้แต่ต้องฟังเสียงไป มันน่าจะแก้ปัญหาอะไรได้อยู่นะ
2
[ สรุป ]
2
ผมอ่านรีวิวคนที่ดูรอบแรกๆ เขาบอกว่าโชว์สั้นมาก 1.30 ชั่วโมงก็จบ (แต่จริงๆ โชว์ของศิลปินระดับโลกอย่าง Dave Chappelle หรือ Russell Peters ก็ชั่วโมงกว่าๆ เหมือนกันนะ)
1
แต่ในรอบของผม ยาวกว่านั้นครับ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งแน่ะ (รวม VTR ก่อนเริ่มด้วย) ส่วนตัวคิดว่ากำลังดี เสร็จสี่ทุ่มครึ่ง กลับบ้านกำลังสบายๆ
ในภาพรวมของโชว์นี้ ผมเห็นใจคุณโน้สอยู่บ้าง ในเรื่อง "การเลื่อน 3 รอบ" มันไม่ง่ายนะ ที่จะรักษาพลังไฟในใจ ให้ลุกโชนอยู่ตลอด เพื่อขึ้นทำการแสดง
4
ภรรยาผมเปรียบเทียบว่า เหมือนคนวางแผนว่าจะแต่งงานวันนี้ เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว เชิญแขกเหรื่อมาหมด แต่สุดท้ายต้องเลื่อน ต้องเลื่อน และ เลื่อน ความรู้สึกที่อยากมีความสุขเหมือนวันแรกสุด มันก็เปลี่ยนไปแล้ว คงเหลือแค่อยากจะจัดงานให้มันเสร็จๆ กันไป
3
นั่นล่ะ คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับโน้ส เขาจะทำอย่างไร ให้ใจตัวเองมีไฟมากพอที่จะแสดงได้อย่างมีพลัง มันต้องเอาชนะความเซ็ง และความผิดหวังต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลืมทุกอย่างให้หมด แล้วขึ้นเวที เพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง
1
บทสรุปของเดี่ยว 13 จากสายตาผม ถ้าให้ฟันธงว่าดีไหม ผมก็ตอบได้ว่า "โอเคอยู่นะ" คือเข้าใจแหละ ว่าโชว์แบบนี้ มันแล้วแต่ดวง บางรอบก็อาจจะดี๊ดี บางรอบก็อาจจะผิดหวัง แต่ในรอบของผม คิดว่ามันใช้ได้นะ ไม่ได้แย่เลย เป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่ง
อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็อยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ และแน่นอนว่า ไม่ได้เสียดายเงินหรอกครับ
3
[ ตัดเกรด เดี่ยว 13 - 7.5 /10 ]
6
โฆษณา