28 มิ.ย. 2022 เวลา 18:44 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิววาย : Every Moment that I Think of You (China-2021)

• "เมื่อเด็กบ๊วยหลังห้องมาตกหลุมรักเด็กเนิร์ดตัวท็อปของห้อง ... ความรักในแบบใสๆ บริสุทธิ์ ที่ดูไปก็อมยิ้มตามไปครับ"
• Every Moment that I Think of You หรือ 当我每次想起你 ในเวอร์ชั่นที่ผมได้ดูนั้นเป็นมินิซีรีส์สั้นๆ 2 ตอนจบ แต่จากการถ่ายทำ การวางพล็อตแล้ว หรือการตัดต่อแล้ว ก็เดาเอาว่าคงตั้งใจผลิตออกมาเป็นหนังสั้นแน่ๆเลยครับ
• ก็เป็นอีกเรื่องนะครับที่ดูเหมือนไม่มีอะไร และไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แค่ตอนแรกเห็นว่าน้องๆนักแสดงน่ารักดีจึงเข้ามาดู แถมสั้นมากๆ คือ 2 ตอนรวมกันแล้วความยาวไม่ถึง 30 นาทีอีกต่างหาก ... แต่ทว่าเมื่อดูจบแล้วผิดคาดสำหรับผมเลยครับ คือถ้าพูดในมุมอรรถรสที่ได้ดู ผมว่ามันชวนยิ้มตามได้จริงๆเลยนะครับ
• เรื่องราวก็จะเป็นแนว coming of age ของเด็กผู้ชาย 2 คนในช่วงมัธยมปลาย ที่ดูแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ครับ แต่ทว่าเมื่อพวกเขาทั้งสองคนสามารถเชื่อมโยง มีความผูกพันกันได้แล้วนั้น มันกลายเป็นภาพความสัมพันธ์ที่ดีมาก ดูแล้วอิ่มเอมกับภาพเหล่านั้นมากจริงๆ
• เรื่องเล่าในปี 2019 ของเด็กผู้ชาย ม.6 คนหนึ่งชื่อ "เฉินจื่อห่าว" เด็กผู้ชายธรรมดาๆแก๊งค์หลังห้องทั่วไป ที่ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน จนผลการเรียนของเขานั้นถือได้ว่าขั้นเลวร้ายหรือที่โหล่ของห้องเลยก็ว่าได้ครับ
• โดยในชั้นเรียนของเขานั้นก็มีเด็กผู้ชายอีกคนชื่อว่า "หยางอวี่เหิง" ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกันแล้วทั้ง 2 คนนี้ต้องเรียกว่าอยู่คนละขั้วกันเลย เพราะหยางอวี่เหิงนั้นคือเด็กเก่งระดับตัวท็อปของห้อง มีความสามารถที่หลากหลายมาก หน้าตาดีขาวตี๋ใสๆลูกคุณหนูจนเป็นที่หมายปองของสาวๆในห้อง แถมยังเป็นกรรมการนักเรียนอีกต่างหาก
• วันหนึ่งมีนักเรียนสาวมาขอสารภาพรักกับหยางอวี่เหิง แต่ทว่าเขาไม่สนใจในความพยายามของเธอแม้แต่น้อย ซึ่งตัวของเฉินจื่อห่าวก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย มันเลยทำให้เขาเกิดความสนใจอะไรบางอย่างในตัวของหยางอวี่เหิง เด็กหนุ่มผู้ที่ไม่เคยมีเพื่อนหรือไม่มีมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับคนอื่นเลย
• และด้วยแรงดึงดูดอะไรก็ไม่ทราบ เฉินจื่อห่าวเลยอยากจะขอเป็นเพื่อนกับหยางอวี่เหิง เขาคิดว่าไม่ควรมีใครที่จะอยู่โดยปราศจากคำว่า "เพื่อน" อันที่จริงตอนแรกก็แค่เหมือนอยากพิสูจน์ครับว่า เขาเองจะทลายกำแพงน้ำแข็งของหยางอวี่เหิงลงได้หรือไม่
• ในวันที่เขาเดินมาบอกกับหยางอวี่เหิงว่า "นับต่อจากนี้ไปฉันจะขอมาเป็นเพื่อนรักของเธอ" แม้หยางอวี่เหิงจะตอบปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจกันเลยก็ตาม แต่ภาพที่ปรากฏในหัวของเฉินจื่อห่าวนั้น เขามองเห็นหยางอวี่เหิงในภาพที่มันพิเศษมากครับ ... ใช่เลยครับผมคิดว่า "เฉินจื่อห่าวกำลังตกหลุมรักหยางอวี่เหิ่งขึ้นมาจริงๆ"
• แม้จะโดนปฏิเสธมา เฉินจื่อห่าว ก็ไม่ละความพยายาม เขาได้คิดแผนต่างๆเพื่อที่จะให้หยางอวี่เหิงสนใจในตัวเขาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การพยายามปรับตัวให้เหมือนกัน มีสไตล์หรือสนใจอะไรให้เหมือนกับหยางอวี่เหิง การเรียกความสนใจต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ผลครับ
• เขาจึงเริ่มท้อใจเลยทำการเขียนเรื่องราวระบายความรู้สึกต่างๆเกี่ยวกับหยางอวี่เหิงใส่ในจดหมายส่งให้ "เจ้าหนูน้ำเต้าแขนเหล็ก" user รายหนึ่งใน Lofter ที่เขาติดตามและชื่นชอบบทความที่เขาเขียนมาเป็นเวลานานแล้ว ( Lofter เป็นแพลตฟอร์ม social ของจีนตัวหนึ่งครับ ผมว่าคล้าย Blockdit ของเรานี่แหละ)
• จนมาวันหนึ่ง วันนั้นหยางอวี่เหิงลืมเอาหนังสือเรียนวิชาหนึ่งมา แล้วในชั้นนั้นครูประจำวิชาก็ค่อนข้างเข้มงวด โดยบอกว่าใครที่ไม่ได้เอาหนังสือเรียนมาจะถูกทำโทษ พอได้ยินดังนั้นหยางอวี่เหิงถึงกับหน้าเสียจนเป็นที่สังเกตได้ของเฉินจื่อห่าว เขาก็เลยตัดสินใจเอาหนังสือของเขาให้หยางอวี่เหิงยืม แล้วบอกกับครูว่าเขาลืมเอามาแทน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ครับเพราะปกติเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่สนใจเรียนเท่าไหร่อยู่แล้ว
• เฉินจื่อห่าว ถูกทำโทษให้ไปยืนอยู่นอกห้องเรียน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มันกลับทำให้ หยางอวี่เหิง หันไปมองสบตาเขาเป็นครั้งแรก เขารู้สึกดีใจมากที่ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา แม้จะพยายามเท่าไหร่ หยางอวี่เหิงก็ไม่เคยสนใจเขาเลย แต่ในวันนี้มันเหมือนการปลดล็อคความรู้สึกของหยางอวี่เหิงที่มีต่อเขา และเป็นครั้งแรกครับที่หยางอวี่เหิงเห็นเขามีตัวตนอยู่ในสายตา
• หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผลจากความพยายามของเฉินจื่อห่าวก็เป็นผลสำเร็จ .. จนวันหนึ่งเขาก็ได้รู้ความจริงที่ว่า "เจ้าหนูน้ำเต้าแขนเหล็ก" คนที่เขาปลาบปลื้ม คนที่เขาเอาความลับต่างๆที่อยากพิชิตใจหยางอวี่เหิงมาแฉให้ฟังนั้นคือ หยางอวี่เหิงนั่นเอง ก็เลยยิ่งทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากยิ่งขึ้นเพราะตัวของหยางอวี่เหิงนั้นรับรู้มาตลอดครับว่า เฉินจื่อห่าวมีรู้สึกอย่างไรต่อเขา
• ทั้งสองจึงใช้เวลาในการพูดคุยเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม จนทั้งสองกลายเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก คอยเติมเต็มช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านที่อีกคนขาดหายไป
• เฉินจื่อห่าวมีผลการเรียนที่ดีขึ้น จนเขาสามารถคาดหวังที่จะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับหยางอวี่เหิงได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่าจะสามารถสอบเข้าเรียนต่อที่ใดได้ ในขณะที่ฝั่งของหยางอวื่เหิง เขาได้เจอโลกใหม่ เจอโลกแห่งความสดใส เขาได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้มีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เจอกับโลกที่มีเฉินจื่อห่าว แม้จะมีเรื่องทุกข์อะไรในใจมาก็ตาม
• ซึ่งเรื่องนี้ก็ตัดจบลงแบบไม่ได้เฉลยครับว่าตกลงแล้วเขาทั้งคู่คบกันในสถานะอะไร หรือความสัมพันธ์จะพัฒนาไปมากกว่านี้หรือไม่ หรือไม่ได้ไปต่อก็ตาม ... แต่ภาพที่ออกมาให้เราชมนั้นผมคาดได้ว่าทาง ผู้สร้างอยากให้เราเห็นเรื่องเล่าในความทรงจำที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่งของทั้งคู่ และเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่สวยงามที่บริสุทธิ์มากๆของเด็กผู้ชาย 2 คน ที่พวกเขาได้ "ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน" แค่นั้นแหละครับ
• ถ้าจะดูเรื่องนี้แล้วคาดหวังว่าจะเป็นเรื่องที่ดูสนุก เนื้อเรื่องชวนติดตาม ภาพสวย ตัดต่อไหลลื่น หรือ ได้อรรถรสในการชมจากโปรดักชั่นละก็ บอกเลยครับว่าต้องผิดหวัง เพราะทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เรื่องนี้แทบไม่มีให้เราได้เห็นกันเลยครับ
• ตัวอย่างชัดที่สุดที่เป็นเรื่องที่ทุกคนดูเรื่องนี้ครั้งแรกแล้วมักจะวิจารณ์เสมอ คือ งานโปรดักชั่นไม่ค่อยแข็งแรงเลยครับ ทั้งคุณภาพของภาพที่ดูประหนึ่งถ่ายจากกล้องมือถือมาก การเลือกโลเคชั่นที่ไม่ได้มีฉากไหนที่รู้สึกว่าสถานที่ถ่ายทำฉากนี้มันว้าว!! เป็นพิเศษ แถมสีภาพก็ไม่ค่อยคุมโทนอีกเดี๋ยวย้อม เดี๋ยวไม่ย้อม
• แต่ผมมองประเด็นเหล่านี้ในมุมกลับอีกด้านน่ะครับ เพราะผมมองว่ามันเป็นความตั้งใจน่ะที่จะให้ภาพมันออกมาเป็นแบบนี้ อย่างที่เคยบอกเอาไว้ในตอนเกริ่นนำเรื่องคือผมรู้สึกว่าเขาทำออกมาเป็นอารมณ์หนังสั้นมากกว่าที่จะทำมาเป็นมินิซีรีส์ครับ ลองจินตนาการดูครับว่ามันให้อารมณ์การทำหนังโปรเจคตัวจบของนักศึกษานิเทศศาสตร์มาก
• ดังนั้นในหนังสั้นที่มีความยาวประมาณ 30 นาทีนี้ ถ้าเป็นหนังโปรเจคจบอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ มันก็จะมักจะใส่ความอาร์ตต่างๆเข้ามาให้ดู "มีของ" คือดูได้ชัดเลยครับทั้งการใส่เบลอ ใส่ Noise ในบางฉาก ตัดต่อแบบสลับไปสลับมา การซ้อนภาพ 2 เฟรม 3 เฟรมบ้าง เป็นต้นครับ แต่ของจริงคืออย่างไรอันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้มีแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษนั้นหาได้น้อยมากเลยครับ
• ส่วนสิ่งที่ผมเห็นว่ามันคือเสน่ห์ของเรื่องนี้จริงๆนั้นมันอยู่ที่การแสดง แม้ว่าเรื่องเคมีของคู่นี้อาจจะไม่ค่อยเข้ากันมากสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งมันอาจจะไม่บทที่ต้องแสดงความเป็นคนรักกันด้วยก็ได้ มันเลยดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่ยังไม่ได้ออกอาวุธที่จะได้โชว์เคมีความเข้ากันได้เยอะเท่าที่ควร
• แต่ถ้าโฟกัสที่การแสดงอย่างเดียวนะบอกได้เลยว่าน้องทั้งสองคนเล่นได้แบบเชื่อสนิทใจว่าเขาคือตัวละครตัวนั้นจริงๆ แล้วเป็นธรรมชาติมากๆครับ ภาพที่เราดูไม่ว่าฉากไหนก็ตาม ทำให้ผมนึกถึงความสุขในวัยที่แอบหลงรักใครสักคนในโรงเรียนอย่างนั้นจริงๆ ความเป็นธรรมชาติ ไร้เดียงสาของตัวละคร การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางต่างๆมันดูเป็นของจริง อินเนอร์จริงตามวัยของเขาเลยครับ
• ซึ่งถ้าให้เทียบเคียงการแสดงของน้องสองคนนี้ ทำให้ผมนึกถึงตอนดู บิวกิ้นกับพีพีในแปลรักฯเลยครับ ให้อินเนอร์แบบนั้นเลย ก็เลยมีความแอบเสียดายอยู่นิดหน่อยว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นงานสร้างของประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน ที่สามารถเล่าเรื่องให้มันเคลียร์ ขยายตอนจบให้มันชัดเจนกว่านี้ หรือเล่าภาพความสัมพันธ์ระหว่างเด็กผู้ชายสองคนให้ลึกซึ้งกว่านี้ มันจะกลายเป็นซีรีส์ที่ฟินแล้วจิ้นกว่านี้อีกหลายเท่าแน่นอนครับ
• ด้วยตัวเนื้อเรื่องไม่หวือหวาอะไร แต่ให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากครับ เรื่องนี้ต้องบอกว่ามันสะท้อนภาพของชีวิตที่ช่างสวยงามในวัยนั้นจริงๆครับ ความสุขหรือการให้สิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นกับคนที่เราชอบ มันคือเสน่ห์ของวัยนี้จริงๆครับ ... ลองไปหาดูนะครับ แล้วทุกคนจะได้เข้าใจว่าความสุขที่เกิดจาก "ทุกช่วงเวลาที่ฉันคิดถึงคุณ" นั้นเป็นอย่างไร
• สุดท้ายผมมองว่าบางทีการดูหนังหรือซีรีส์ใสๆแนวนี้มันสร้างความอิ่มเอมจากความสุขให้เราได้เต็มมากกว่า พักการดูซีรีส์แนวที่ต้องมีฉากรัก ฉาก NC หวือหวาอะไรมากมายแบบซีรีส์ส่วนใหญ่ในตอนนี้ลงบ้างก็ดีนะครับ บางทีมันเริ่มดูแล้วเบื่อเหมือนกันนะครับ มันไม่สนุกเหมือนแต่ก่อนเลยอ่ะ .... ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆนะ
Official Trailer : GagaOOLala

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา