15 มิ.ย. 2022 เวลา 08:41 • ปรัชญา
เขายืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ในค่ำคืนที่ไร้ดาว
แววตาที่เคลือบไปด้วยน้ำตา คลออยู่ในสายตาที่มุ่งมั่น รอยยิ้มแห่งการสัมผัส ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด
อักษรา ไร้เงา
สายลมแห่งฤดูกาล กำลังเคลื่อนคล้อยอย่างเชื่องช้า พัดพาให้กระทบกับ ยอดหญ้าจนสั่นเอนไหว
ราวกับอยู่ในภวังค์แห่งมนต์สะกดของสายลม เขายืนอย่างเดียวดาย ท่ามกลางความมืดมิดในราตรี
สองเท้าที่อ่อนแรง ค่อยๆ ก้าวย่าง อย่างเชื่องช้า เหยียบย่ำขวากหนาม ที่ทิ่มแทง ทุกก้าวที่สัมผัส
และในท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่จนสุดสายตา ความเจ็บปวดเริ่มทวีขึ้น ในทุกครั้ง ที่ก้าวย่ำไป
แต่..... แต่  เขาก็ยังคงก้าวไปในเส้นทางข้างหน้า เฉกเช่นนักเดินทาง ที่ต้องการสัมผัสเป้าหมาย แห่งการเผชิญ
แสงจันทร์ที่สาดส่อง เสมือนแสงนำทางให้ก้าวไปยังจุดหมายข้างหน้า
ปลายนิ้วเขายังคงสัมผัสได้จากการพลิ้วไหวของปลายยอดหญ้าในทุ่งแห่งนั้น เคลื่อนไป.... คล้อยไป....
ประดุจว่า เขากำลังล่องลอย อยู่ในอากาศ
สองเท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดของการเดินทาง ค่อยๆ เจือจาง บาดแผลแห่งความเจ็บปวด ค่อยๆเลือนหาย
ทุกสรรพสิ่ง ในรอบกายล้วนเป็นพลวัต ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหวเลย
เมฆสีเทาๆ ในค่ำคืนนั้น บดบัง ดวงดาว ที่เคยทอประกายอยู่บนท้องฟ้า และในค่ำคืนนั้นดวงจันทร์จึงไร้ดาว
ภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
แววตาที่เคลือบไปด้วยน้ำตา คลออยู่ในสายตาที่มุ่งมั่น รอยยิ้มแห่งการสัมผัส ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด
แล้วเขาก็หยุดลง ในท่ามกลางแสงจันทร์ ที่ไร้ดวงดาว
เพื่อรอคอยในช่วงเวลาหนึ่ง เมฆก้อนนั้นจะลับหายไป
รอเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ดวงดาวจะกลับมาคู่กลับดวงจันทร์
รอเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ความเจ็บปวดนั้นจางหายไป
รอเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เขาจะก้าวต่อไป......
อักษรา ไร้เงา
โฆษณา