16 มิ.ย. 2022 เวลา 02:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ADVANC ราคาถูกสุดในรอบ 6 เดือน
ธุรกิจใหม่จะสร้างการเติบโตได้แค่ไหน ?
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ถูกพูดถึงกันมากในช่วงนี้ เพราะมีหลายประเด็นที่เข้ามากระทบ sentiment ทั้งในเชิงลบ และเชิงบวกต่อราคาหุ้นในประเด็นการควบรวมระหว่าง TRUE กับ DTAC ที่จะส่งผลให้ทางฝั่งตรงข้ามมีความได้เปรียบในด้านของจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น (แม้จะต่ำกว่า AIS ) รวมถึงการแข่งขันทางด้านราคาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
รวมถึงปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่อาจจะชะลอตัวช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ จากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภค อีกทั้งตัวเลขการเดินของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอาจจะไม่เป็นไปตามที่ทางภาครัฐประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 6 ล้านคน
ทั้งนี้หากย้อนไปดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ADVANC ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 11 มิ.ย.65 ปรับลดลงกว่า 9.57% หรือราคาลดลงมาตั้งแต่ 228 บาทต่อหุ้นมาอยู่ที่ 208 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในกลุ่มอย่าง TRUE และ DTAC ที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาลดลงมาแค่เพียง 2-3%
สำหรับมุมมองปัจจัยพื้นฐานของหุ้น Wealthy Thai ได้รวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์ทั้งในมุมมองบวกและมุมมองในด้านลบต่อพื้นฐานหุ้น ADVANC
ธุรกิจใหม่จะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต
โดยประเด็นหลักในมุมมองเป็นบวก คือ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่าการที่ราคาหุ้นลดลง ทำให้เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น
บวกกับคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปี หลังจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตได้จากการร่วมมือกับ GULF ในการทำ Data Center และธุรกิจไฟแนนซ์อย่าง AISCB คาดจะยิ่งเป็นตัวช่วยในการเติบโตของบริษัทในอนาคตทำให้คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 252 บาท
โดยคาดรายได้ปี 65 เติบโต 3.5% แม้คาดว่าผลกระทบของภาวะเงินเฟื้อที่ปรับตัวสูงจะกดดันกำลังซื้อของผู้บริโภค บวกกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง แต่คาดจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นตัวเร่งต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์คาดจำนวนผู้ใช้บริการ Mobile จะเพิ่มขึ้นเป็น 46.70 ล้านราย จากไตรมาส 1/65 ที่ 44.62 ล้านราย ขณะที่ ARPU เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 225 บาท จาก 216 บาท และคาดค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดกำไร 2.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.43% จากปีก่อน
กำไรปี 65 ลด และรายได้จะโตต่ำกว่าเป้า
ด้านของบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิหลักในปี 65 จะลดลง 6% จากปีก่อน เป็น 2.54 หมื่นล้านบาท บนสมมุติฐานการเติบโตของรายได้เพียง 1% จากปีก่อน และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น (เช่น ค่าใช้จ่ายด้านเครื่อข่ายและค่าใช้จ่ายด้าน D&A)
โดยคาดการณ์ว่ารายรับจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือในปี 65 (87.5%ของรายได้จากบริการหลักในปี 65) จะลดลง 1.3% จากปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอและสงครามราคาในตลาดเดิมเงินมือถือรอบใหม่ที่เริ่มในกลางเดือนเมษายน เราคาดการณ์ว่ารายรับจากมือถือจะลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 2/65 ก่อนที่จะทรงตัวในไตรมาส 3/65 เนื่องจากคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะขึ้นตัวในครึ่งปีหลัง
นักวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิหลัก 2.54 หมื่นล้านบาทในปี 65 ของเราต่ำกว่าประมาณการของ Bloomberg 11% ซึ่งน่าจะยึดตามเป้าการเติบโตของรายได้ของบริษัทที่อัตรา4-6% จากปีก่อน
สำหรับปี 65 ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ที่รายได้จะเติบโต 1% จากปีก่อน โดยเรามองว่าเป้าหมายของ ADVANC น่าจะเป็นไปได้ยาก หลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุขึ้นในปลายเดือนกุมภาพันธ์ อีกทั้งการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของไทยในปีนี้ได้ถูกปรับลงและอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 65
นอกจากนี้ เรายังคาดว่า ADVANC จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 1.ค่าใช้จ่ายด้านเครือข่าย เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน เพราะจากค่าไฟฟ้า) และ 2.ค่าใช้จ่าย D&A ที่เพิ่มขึ้น 1.1% จากปีก่อน เนื่องจากการขยายเครือข่าย
ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
.
Facebook : Wealthy Thai
โฆษณา