16 มิ.ย. 2022 เวลา 09:19 • ความคิดเห็น
ภาพที่บันทึกหรือข้อมูลการยืนยันตัวตน ตามหลักเขาเอาไปใช้ตรวจสอบย้อนหลังเมื่อเกิดเหตุแล้ว หวังผลในเชิงป้องกันได้เพียงเล็กน้อย อย่างเก่งก็แค่เอาไว้ขู่มิจฉาชีพว่าตรงนี้มีกล้อง แต่ครั้นจะคิดว่ายอมโดนละเมิด Privacy เพื่อแลกกับ Security อันนี้ก็ไม่ใช่!! มันคนละเรื่องแต่ต้องไปด้วย
ถ้าดูซีรีย์เกาหลีเยอะๆจะพบว่าหนังแนวสืบสวนสอบสวน พระเอกตัวจริงคือ กล้อง CCTV กล้องหน้ารถ จีพีเอสในรถ ต่างๆเหล่านี้เป็นเบาะแสอย่างดีที่ช่วยคลี่คลายคดี
ถ้าเราไม่ได้กระทำความผิดอะไร ก็ไม่น่าจะต้องกังวล หรือถ้ากลัวว่าจะมีใครเอาไปใช้หาประโยชน์ อย่างมากก็คงเป็นพวกแก๊ง Call Center โทรมาป่วน พวกขายตรงโทรมาสร้างความรำคาญ หรือถ้าเป็นพวกโรคจิตที่จะมาคุกคาม มันก็ต้องรู้วิธีเข้าถึงข้อมูล ต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างดี
คนที่ขยันเช็คอินทุกที่ที่ไป ไปไหน-กินอะไรก็โพสต์ ลงสตอรี่ ฯลฯ ไม่ได้ตระหนักเรื่อง Privacy อะไรทั้งนั้น ทุกวันนี้ Digital Footprint ของเราเวลาเสิร์ชหาอะไรในกูเกิ้ล หรือคุยกันตัวเป็นๆแค่แป๊ปเดียว โฆษณาก็มาโผล่ที่หน้าฟีดแล้ว
ยังมี RFID ที่ฝังอยู่ในบาร์โค๊ดสินค้าที่เราซื้อมา อันนี้น่ากังวลกว่า Face Recognition เสียอีก ถ้ามี RFID ติดอยู่ในเสื้อ เราใส่เสื้อตัวนั้นไปไหนมาไหน เขารู้โม๊ดดด
อาจสรุปได้ว่า Privacy คือสิ่งที่เราไม่เคยมีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
โฆษณา