16 มิ.ย. 2022 เวลา 12:38 • ครอบครัว & เด็ก
อยากหมดกรรมหมดเวร พระพุทธเจ้าท่านสอน 5 ข้อนี้
“ศีล 5 ข้อนี่ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มนุษย์มีความรัก
พระพุทธเจ้าปรารถนาให้มนุษย์มีความรักกัน ปราศจากการถูกเบียดเบียนทำร้าย ครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มิตรสหายรักใคร่ ผู้คนให้ความเคารพนับถือ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
และเป็นผู้ที่ครองสติด้วยความไม่ประมาทได้
พระพุทธองค์ปรารถนาให้มนุษย์ดำเนินชีวิตด้วยความผาสุก ไม่ก่อเวรก่อกรรม ให้หมดเวรหมดกรรม ไม่โดนเบียดเบียน และไม่เบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งเป็นการเพิ่มบุญกุศลในชีวิตมากขึ้นอย่างยิ่ง
ถ้าไปมองดูหน้าใครเขาทำหน้าบึ้งๆ ทำทีแสดงท่าทางโกรธ เราชักจะไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากทักทาย ไม่อยากช่วยเหลือ เพราะเรารู้สึกเหมือนเขาอาจจะเป็นเจ้ากรรม นายเวรที่อาจจะกำลังโกรธหรือไม่พอใจเราอยู่หรือเปล่า เพราะรู้สึกแล้วว่าเขาไม่มีความรัก เขามีแต่ความโกรธ ดังนั้น เพื่อทำให้หมดเวรหมดกรรม ข้อ 1 พระพุทธเจ้า
ท่านเลยสอนว่า ต้องเป็นคนที่รังแกคนอื่นไม่เป็น ข่มเหงคนอื่นไม่เป็น อิจฉาตาร้อนคนอื่นไม่เป็น ทำร้ายคนอื่นแม้เพียงเล็กน้อยไม่เป็น รวมถึงทำร้ายจนถึงชีวิตไม่เป็น การเมตตาสงสารสัตว์และมนุษย์ร่วมโลกเรา จึงเป็นการตัดเวรตัดกรรม ข้อ แรก
เพื่อทำให้หมดเวรหมดกรรม ข้อ 2 ต้องเป็นคนที่ขโมยไม่เป็น ฉ้อโกงไม่เป็น ลักจี้ปล้นไม่เป็น
คนเราทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ ด้วยกันทั้งนั้น ใครมีความคิดสติปัญญาเพียงใด แค่ไหน ย่อมมีความทะเยอทะยานกันไป แต่ว่าการแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ควรมีขอบเขต ขอบเขตของการแสวงหาสิ่งเหล่านี้
โดยไม่ให้ก่อเวรก่อกรรมเพิ่มก็คือเอาขันติ ความอดทน ขึ้นมาเป็นประธานไว้ก่อน พระพุทธเจ้าทรงเทศนามาตลอดเวลา 45 ปี เมื่อสรุปหลักคำสอนที่เป็นแนวทางปฏิบัติ ก็มารวมอยู่ที่ขันติคือความอดทน “ขันติ ปะระมัง ตะโป ตีติกขา” ความอดกลั้น ความทนทาน เป็นตบะธรรม คือ ความเพียรเผาบาปอย่างยิ่ง การไม่ลักขโมยจี้ปล้นฉ้อโกง จึงเป็นการตัดเวรตัดกรรมข้อ 2
เมื่อมนุษย์ทุกคนต้องการความรัก จึงให้ความรักกันได้ง่ายๆ ง่ายจนก่อเวรก่อนกรรมต่อกัน เพื่อทำให้หมดเวรหมดกรรม ข้อ 3 พระพุทธเจ้า ท่านเลยสอนว่าต้องเป็นคนหักห้ามใจตัวเอง จากคนที่เขามีเจ้าของแล้ว เช่น คนที่เขามีสามีแล้ว มีภรรยาแล้ว มีลูกแล้ว ต้องไม่คิดที่จะมีใจให้ ไม่คิดจะไปกินน้ำใต้ศอกเขา คนเราทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการมองตา พูดคุย ทักแชท โทรหา ใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่าการ
มองตา พูดคุย ทักเเชท โทรหา พบเจอนั้นควรมีขอบเขต มีสติ และปัญญา เพื่อไม่คิดจะไปพัวพันธ์เกี่ยวข้องเกินขอบเขตกับสิ่งที่เป็นที่รักของคนอื่น เพราะเขาก็ต้องรัก ต้องหวง เขาก็เป็นเจ้าของอยู่ จะหุ่นดี จะสวย จะรวย จะหล่อแค่ไหน เขาก็ไม่ใช่ของเรา อย่างแท้จริง เมื่อเอามาย่อมเดือดร้อน วุ่นวาย ดังนั้นการไม่นอกใจ ไม่เป็นชู้ ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ไม่กินน้ำใต้ศอก จึงเป็นการตัดเวรตัดกรรมข้อ 3
ใครๆ ก็ไม่ชอบการปฏิเสธ ดังนั้นเลยชอบหาเหตุผลให้คนอื่นปฏิเสธไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยการสรรหาทุกถ้อยคำ ไม่ว่าจะโกหก อ้อมค้อม วกวน จนเขาเชื่อให้ได้ ปากมันเป็นของเรา เราสามารถพูดอะไรก็ได้โดยNoสนNoแคร์ใดๆ หูใครก็ระวังเอง ไม่อยากได้ยินก็ปิดหูไม่ต้องฟัง แค่นั้น แต่มันจบไหม เมื่อคนมีหู มีความรู้สึก คำพูดมันเลยเป็นยิ่งกว่ามีดในบางครั้ง มีดบาด เลือดไหล ทายาแผลที่ใหญ่ไม่นานมันก็หาย
แล้วมันก็ไม่เจ็บอีก แต่คำพูดนั้น เมื่อมันทิ้มแทง หรือทำร้ายจิตใจใครไปแล้ว มันจะบาดใจคนๆนั้นทุกๆนาที ที่เขานึกถึงมัน ไปจนตลอดชีวิตเขาเลยทีเดียว
ดังนั้น เพื่อทำให้หมดเวรหมดกรรม ข้อ 4 พระพุทธเจ้า ท่านสอนว่า ต้องเป็นคนพูดความจริง พูดก็ต้องพูดให้ดี ให้เพราะ ให้ถูกที่ ถูกเวลา เองถึงจะหมดเวรหมดกรรมได้
ถ้าเป็นชายจริงมันต้องดื่ม ไม่ดื่มไม่ใช่ชาย มันท้าทายตรงนี้ มันสนุกตรงนี้ ตรงที่มีเพื่อนชวน มีเพื่อนดื่ม ชีวิตมันก็ต้องคิดตลอดเวลา มันเลยต้องการการผ่อนคลาย อยากลืมความทุกข์ใจแม้ชั่วขณะ ก็ยังดี เก็บกดมานานแล้ว อยากทำไรบางทีก็ไม่กล้าทำ เมาแล้วมันกล้าดี เมาเเปร๊บเดียว นอนตื่นมาก็หายแล้ว จริงไหม เพราะสาเหตุหลักของการเกิดรถชน การข่มขืน การขโมย การทุบตีทำร้าายผู้อื่น การฆ่าตัวตาย
รวมถึงการฆ่าคนอื่น มันมาจากความเมาทั้งนั้น ขนาดตอนที่เราสติดี เรายังคิดอะไรสร้างสรรยากเลย แล้วตอนที่เราสติไม่ดีมันจะเอาอะไรมาสร้างสรรได้ มีแต่หายนะจะบังเกิดทุกขณะ มีแต่ลงเอยด้วยอะไรที่สิ้นคิด นอกจากจะเอาชีวิตตัวเองไม่รอดแล้ว ยังทำลายชีวิตผู้อื่นอีกด้วย ดังนั้น เพื่อทำให้หมดเวรหมดกรรม ข้อ 5 พระพุทธเจ้า
ท่านสอนว่า ให้เว้นจากการดื่มของมึนเมา และการเที่ยวกลางคืน เพราะมันมีแต่นำมาสู่การก่อเวรก่อกรรมเพิ่มขึ้นทั้งนั้น
5 ประการนี้เป็นคุณธรรมสำหรับตัดกรรมตัดเวร ตัดผลเพิ่มของกิเลส
เมื่อพูดถึงเรื่องการตัดกรรมตัดเวร บางท่านอาจมีความสงสัย กรรมนี้มันตัดได้หรือเปล่า
กรรมที่ทำลงไปแล้ว ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ถ้าใครต้องการจะตัดกรรมตัดเวรให้เป็นสิ่งที่แน่นอนกันจริงๆ ก็ต้องทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน 5 ข้อที่กล่าวมาแล้วนี้
กฎความจริงของสังคมโลก ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มนุษย์เรามีความต้องการอยู่เพียง 4 อย่าง คือ
1. ความมีลาภ
2. ความมียศ
3. ความมีสรรเสริญ
4. ความมีสุข
ซึ่งการที่จะได้มาทั้ง 4 อย่างนี้นั้น ส่วนใหญ่มันทำให้เราก่อเวรเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เวระ หรือ เวร คือสิ่งที่เป็น เหตุเป็นปัจจัยให้ผูกพยาบาท เมื่อมีการผูกพยาบาทอาฆาตก็ต้อง ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน จนอาจจะถึงมีการฆ่ากัน ถ้าใครอยากหมดกรรมหมดเวรต้องงดเว้น 5 ข้อนั้นเสีย
ทำตาม 5 ข้อดังกล่าวมันตัดเวรตัดกรรมได้อย่างไร ตอบเลยว่า
ตัดเวรตัดกรรม 1. การไม่ทำร้าย ไม่รังแก ไม่ฆ่ากันมันทำให้เราได้บำเพ็ญอภัยทาน
ตัดเวรตัดกรรม 2. การไม่ลักขโมยจี้ป้น มันทำให้เรามีจิตเกิดความเมตตาปรานี
ตัดเวรตัดกรรม 3. การไม่นอกใจคนรัก และไม่ไปแย่งคนรักคนอื่น มันทำให้เราได้ให้ความรัก ที่บริสุทธิ์กับคนอื่นอย่างแท้จริง
ตัดเวรตัดกรรม 4. การไม่พูดโกหก หลอกลวงนั้น ก็ได้ปรับพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ขึ้น
ตัดเวรตัดกรรม 5. การไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืนนั้น เราได้ป้องกันไม่ให้เราไปทำลายชีวิตตัวเองและผู้อื่น
เมื่อเราทำ 5ข้อนี้บริสุทธิ์บริบูรณ์ดี ความเป็นมนุษย์ของเราก็สมบูรณ์ กายเป็นปกติ วาจาก็ปกติ ในเมื่อกาย วาจาปกติ ใจก็พลอยปกติไปด้วย เมื่อเราไม่ฆ่าใคร ใครหนอจะมาฆ่าเรา เมื่อเราไม่ประทุษร้ายใคร ใครหนอจะมาประทุษร้ายเรา เราเคารพในสิทธิเสรีภาพของมวล มนุษย์ด้วยกัน
คนอื่นเขาก็ต้องเคารพต่อเรา “วันทะโก ปฏิวันทะนัง” ผู้ไหว้ย่อมได้ รับการไหว้ตอบ “โปชะโก ชะพะเตโปชัง” ผู้บูชาย่อมได้บูชาตอบ” นี่คือการปฏิบัติเพื่อละชั่วและเป็นการตัดผล เพิ่มของกิเลส เป็นการตัดผลเพิ่มของบาปกรรม เป็นการตัดเวรตัดกรรมในปัจจุบันชาตินี้ที่เราทำได้ทันที
กิเลสมันจะถูกบั่นทอนกำลังลงได้เพราะเรายึดมั่นในการปฏิบัติตาม 5 ข้อดังกล่า ถ้าใครเคร่งในการปฏิบัติตาม 5 ข้อนี้ โลภ โกรธ หลง มีในใจก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ แต่เราเอาอย่างเดียวคือไม่ลุอำนาจ เมื่อโกรธแล้วอดทน เมื่อโลภแล้วอดทน ไม่ละเมิด 5 ข้อนี้ ก็จะเป็นการบั่นทอนพลังของความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้น้อยลง และตัดบาป ตัดเวรกรรมของเราได้ในชาตินี้
เมื่อเราหัดอดทน จิตของเราคล่องตัวต่อการอดทนเสียจนกระทั่งกลายเป็นความเคยชิน ทีแรกเราตั้งใจอดทน บางทีก็นึกจะละเมิดเหมือนกัน แต่ก็อดทนไป อดไปจนใจมันทนต่อความอด จนมันชำนาญ ต่อความอด คล่องตัวต่อความอด มันก็กลายเป็นความเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
ต่อไปเจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม ตั้งใจก็ตาม ไม่ตั้งใจก็ตาม เราจะทำ 5ข้อนี้เพื่อ เป็นเครื่องประกันความปลอดภัยของเราอยู่ตลอดเวลา เพื่อละความชั่ว ทีนี้เมื่อเราตั้งใจละชั่วได้โดยเด็ดขาด มันก็กลายเป็นความดีได้เอง
คำขอขมาและอธิษฐานจิต (สำหรับอธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอน)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต ส้มมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม
พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสั่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่าน
เจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ
ขอได้โปรดอสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา
ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะ
ติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ
ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข่าสู่นิพพานเทอญ
โฆษณา