19 มิ.ย. 2022 เวลา 12:14 • สิ่งแวดล้อม
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณกาลแล้ว
แต่ปัจจุบันหากนึกถึงวันวาเลนไทน์ ทุกคนก็จะนึกถึงวันตัวแทนความรัก ที่ต้องมาด้วยของขวัญเสมอๆ
หลายคนที่มีคู่ หรือมีคนชอบ ก็ต้องมองหาซื้อของขวัญหรือช่อดอกไม้ให้อีกฝ่ายประทับใจจนเป็นเรื่องปกติประจำปีกันไปแล้วในยุคนี้
ฟังดูเป็นวันที่น่ารักๆวันหนึ่งสำหรับคนมีคู่ แต่ขณะเดียวกันโลกก็ต้องเจอกับการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์จากการตัดดอกไม้ การนำเข้าส่งออกดอกไม้ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและกิจกรรมต่างๆของผู้คนที่เกิดขึ้นก่อนถึงวันวาเลนไทน์ เช่น การเดินทางท่องเที่ยว การเดินทางซื้อของ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ การรับ-ส่งของขวัญของแบบ delivery และอีกมากมายที่กระตุ้นให้ผู้คนอยากจับจ่ายใช้สอยในระยะเวลาเดียวกันทั่วโลก
หากมองดูผลลัพธ์ปลายทาง เราจะเห็นว่าแค่เรื่องการตัดดอกไม้ไปจนถึงการทิ้งดอกไม้ โลกต้องรับมือกับอะไรบ้าง
แค่ตัวอย่างอเมริกาที่เดียว ก็ประมาณได้ว่าจะมีดอกกุหลาบหลักร้อยล้านดอกถูกตัดเพื่อวันนี้ ประมาณการว่าจะเกิดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 9,000 เมตริกตัน ในวันเดียว
ส่วนบ้านเรา หากไปเดินดูปากคลองตลาด จะรู้เลยว่าดอกกุหลาบสวยๆนั้นนำเข้ามาทั้งนั้นเลย ซึ่งดอกไม้เหล่านี้กว่าจะถึงมือผู้รับก็มีกระบวนการตั้งแต่ปลูก ตัด ขนส่งข้ามประเทศ ตกแต่งด้วยกระดาษหรือพลาสติกห่อหุ้ม ขนส่งอีกที ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องถูกทิ้งตามกายภาพที่ร่วงโรยของมัน แต่ไม่ว่าอย่างไร ราคาแพงแค่ไหน ของเหล่านี้ก็ยังเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย
How to กรีนวาเลนไทน์
- ส่งการ์ดเป็นไฟล์ดิจิตอลแทน (ต้นไม้กี่ต้นทั่วโลก ถูกตัดมาทำเป็นการ์ดวาเลนไทน์ แค่ที่อังกฤษก็มีการ์ดวาเลนไทน์ถูกส่งประมาณ 25 ล้านใบต่อปี)
- ลดการใช้ลูกโป่ง/ใช้ซ้ำ
- ไม่ใช้บรรจุภัณฑ์แบบครั้งเดียวทิ้ง
- ให้ของขวัญที่มีอายุยาวนาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โฆษณา