17 มิ.ย. 2022 เวลา 06:48 • ประวัติศาสตร์
หญิงสาวผู้ร้องไห้ในวันมหันตภัยสึนามิ
หนึ่งในภาพถ่ายที่เป็นที่จดจำมากที่สุดจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิเข้าถล่มเกาะฮอนชูในภูมิภาคโทโฮคุของประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 คือภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งชันเข่าและร้องไห้ฟูมฟายอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังอย่างเดียวดาย
ในตอนที่ช่างภาพได้ถ่ายรูปเธอนั้น เขาไม่ได้เข้าไปถามว่าเธอชื่ออะไรและเหตุใดเธอจึงร้องไห้ จึงไม่มีใครทราบว่าเกิดเรื่องอะไรกับเธอในตอนนั้น
หลังภาพถ่ายนี้ได้แพร่กระจายไปตามสื่อต่าง ๆ ทั่วโลก ก็มีคนจำนวนหนึ่งให้ความสนใจใคร่รู้และอยากทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวในภาพ และเรื่องของเธอก็ได้รับการเปิดเผยในเวลาต่อมา
หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่าอะคาเนะ อิโตะ ในตอนนั้นเธอมีอายุ 28 ปี เธออาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มและแม่ของเขาในบ้านไม้สองชั้นซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนาโตริ
อะคาเนะและแฟนของเธอไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่หญิงสาวเลี้ยงสุนัขเอาไว้มากถึง 13 ตัว ซึ่งอะคาเนะได้เลี้ยงดูและเอาใจใส่เป็นอย่างดีเหมือนดั่งเป็นลูกแท้ ๆ ของเธอ
ในวันที่ 11 มีนาคม 2011 อะคาเนะดูโทรทัศน์อยู่ที่ชั้นบนพร้อมกับบรรดาสุนัขของเธอ แล้วก็มีแผ่นไหวเกิดขึ้น ความเสียหายไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็ทำให้ไฟฟ้าดับและน้ำประปาไม่ไหล
อะคาเนะไม่ได้กังวลมากนักเพราะเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นซัดเข้ามาเหมือนกัน แต่ในครั้งนั้นคลื่นมีความสูงเพียงแค่ 10 ซม.
แต่เพราะไฟฟ้าดับจึงทำให้อะคาเนะไม่ได้รู้ข่าวแจ้งเตือนสึนามิที่กำลังจะเข้ามาถล่มเมืองในไม่ช้า
ตอนนั้นแฟนของอะคาเนะไม่อยู่บ้าน เธอและแม่ของเขาจึงขับรถออกไปซื้อแบตเตอรี่และน้ำดื่ม ตอนนั้นบรรดาสุนัขของเธอมีอาการตื่นกลัวเล็กน้อยและส่งเสียงร้องออกมา แต่อะคาเนะก็บอกพวกมันไปว่าไม่มีอะไรต้องกลัว อีกเดี๋ยวเธอก็จะกลับมาแล้ว
หลังจากอะคาเนะซื้อของเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน มีคนเตือนมาว่าคลื่นยักษ์กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ให้รีบหนีขึ้นที่สูงอย่างเร่งด่วน
อะคาเนะพาแม่ของแฟนหนุ่มหนีขึ้นไปบนภูเขา ในใจก็คิดว่าสุนัขของเธอคงไม่เป็นอะไรเพราะมันอยู่บนชั้นสองของบ้าน
แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นมันร้ายแรงกว่าที่อะคาเนะคิดเอาไว้มาก กว่าที่เธอจะได้กลับบ้านก็ผ่านไปถึงสองวันแล้ว และบ้านที่เธอเคยอยู่ก็เหลือเพียงซากปรักหักพัง
โชคดีที่แฟนหนุ่มของเธอรอดชีวิตมาได้ แต่โชคร้ายที่สุนัขของเธอได้สูญหายไปจนหมด
เธอเฝ้าขอโทษพวกสุนัขของเธออยู่ในใจที่เธอไม่สามารถปกป้องพวกมันได้
อะคาเนะเล่าถึงช่วงเวลาที่ถูกถ่ายภาพเอาไว้ว่า "ตอนที่ภาพนี้ถูกถ่ายเอาไว้เป็นเวลาประมาณ 11 โมงของวันที่ 13 มีนาคม ฉันนั่งอยู่ตรงจุดที่เคยเป็นประตูหน้าบ้าน รู้สึกช็อกที่รู้ว่าพวกเราได้สูญเสียทุกอย่างไปจนหมด รวมถึงพวกน้องหมาอันเป็นที่รักของพวกเราด้วย"
"น้องหมาพวกนี้คือครอบครัวของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่ที่สูญเสียลูกสุดที่รักไป นั่นทำให้ตอนนั้นฉันดูเศร้าโศกเสียใจอย่างมากเลยค่ะ"
หลังจากนั้นอะคาเนะและครอบครัวก็ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพ แล้วเธอก็ออกตามหาสุนัขของเธอด้วยหวังว่าพวกมันจะยังมีชีวิตอยู่
อะคาเนะประกาศตามหาสุนัขผ่านทางทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค เอารูปถ่ายสุนัขไปติดไว้ตามกระดานข่าวในสถานที่ต่าง ๆ ออกเดินไปตามถนนเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรแล้วถามคนที่เธอพบเห็นว่ามีใครเห็นสุนัขของเธอบ้าง
แล้วในที่สุดความพยายามของอะคาเนะก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อมีผู้ที่เจอกับสุนัขตัวแรกของเธอ นั่นก็คือเจ้าเมย์ สุนัขเพศเมียสายพันธุ์ลาบราดอร์อายุ 6 ปี ถูกพบห่างจากบ้านของอะคาเนะประมาณ 1 - 2 กม.
อะคาเนะและเจ้าเมย์
ครอบครัวหนึ่งซึ่งกำลังเดินหาญาติที่หายตัวไปได้พบเจ้าเมย์กำลังเดินเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง พวกเขาจำได้ว่าเคยเห็นประกาศตามหาสุนัขของอะคาเนะที่กระดานข่าว จึงได้พาเจ้าเมย์มาดูแลเป็นการชั่วคราวและโทรศัพท์ไปแจ้งข่าวกับอะคาเนะ
"ฉันรู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่ได้รับโทรศัพท์มาบอกว่าเจ้าเมย์ปลอดภัยดี มันทำให้ฉันมีกำลังใจในการตามหาน้องหมาตัวที่เหลือต่อไป"
แล้วไม่นานหลังจากนั้นอะคาเนะก็ได้เจอกับสุนัขตัวที่สองของเธอ คราวนี้คือเจ้าโมโมะ สุนัขพุดเดิ้ลพันธ์ใหญ่สีน้ำตาลที่ถูกพบห่างจากบ้านของอะคาเนะประมาณ 5 กม.
อะคาเนะและเจ้าโมโมะ
อะคาเนะพาเจ้าเมย์และโมโมะไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงที่จัดพื้นที่ไว้รองรับผู้ประสบภัยที่มีสัตว์เลี้ยง
แม้จะมีหลายคนไม่เห็นด้วยที่จะแบ่งปันทรัพยากรไปให้สัตว์ต่าง ๆ ในขณะที่มนุษย์เองก็ยังอยู่กันอย่างยากลำบาก อะคาเนะก็ยืนกรานว่านี่เป็นสิ่งที่เธอจะต้องทำ
"สำหรับฉันแล้ว พวกหมาและแมวนั้นเป็นเหมือนกับครอบครัว ฉันไม่เคยมีลูกมาก่อน ฉันเลยไม่รู้ว่าพวกพ่อแม่รู้สึกกับลูก ๆ ของพวกเขายังไง แต่พ่อแม่พวกนั้นก็พูดกันว่าลูก ๆ นั้นมีความสำคัญมากกว่าตัวเองเสียอีก ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นกับหมาของฉันเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงดูเสียใจมากมายในรูปที่มีคนถ่ายฉันเอาไว้"
หลังจากเหตุการณ์สึนามิผ่านไปได้หนึ่งปี ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนตัดแต่งขนสุนัข ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
อะคาเนะเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนตัดแต่งขนสุนัข
ปล.หลังจากนั้นผู้เขียนก็หาข้อมูลไม่เจอแล้วว่าอะคาเนะเจอสุนัขที่เหลือหรือไม่ ถ้าใครมีข้อมูลก็สามารถนำมาแบ่งปันกันได้นะครับ
โฆษณา