17 มิ.ย. 2022 เวลา 09:54 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ในขณะที่ Facebook ลดการมองเห็นลงไปเรื่อยๆ สวนทางกับคอนเทนต์สร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ในความเป็นจริงทุกวันที่เลื่อนฟีด กลับถูกยัดเยียดการนำเสนอโฆษณาที่ไม่ต้องการ ในอนาคตอันใกล้ แพลทฟอร์มดังกล่าว อาจจะเป็นตลาดนัดที่ไม่น่าเดินเล่นอีกต่อไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ เรา ขอลี้ภัยมาที่ "บล็อกดิท" แห่งนี้...
อารัมภบท เสียยืดยาว เกรงว่าผู้อ่านจะเดินหนีไป มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หนึ่งในเรื่องราวของคนที่ชอบพยัคฆ์ร้าย 007 น่าจะชอบบทความความนี้
ก่อนที่เราจะได้เห็น “ฉากปลอบโยนอันอบอุ่น” ระหว่าง เจมส์ และ เวสเปอร์ มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้นักแสดงได้ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ….
เธอจะต้องฟูมฟายไปพร้อมกับร่างที่เปลือยเปล่าเหลือไว้แต่เพียงชุดชั้นในนั่นคือสคริปที่ถูกำหนดไว้ ก่อนที่ แดเนียล จะเสนอให้ปรับเปลี่ยน และในห้องน้ำที่ฝักบัวถูกเปิดนั้นทั้งคู่จึงต้องนั่งแช่น้ำด้วยกันทั้งๆที่ยังใส่เสื้อผ้า
ในขณะที่ "เวสเปอร์" ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม เธอไม่ใช่แม้แต่
สายลับ หากเป็นเพียงตัวแทนของกระทรวงการคลัง …ได้เห็นชายสองคนถูกฆ่า (คนหนึ่งถูกโยนข้ามรั้ว และอีกคนหนึ่งสำลักตายต่อหน้าเธอ) โดยไม่ได้รับการฝึกฝนหรือคุ้นเคยกับการรับมือสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกบอบช้ำอย่างชัดเจน และได้เราเห็นปฏิกิริยาของมนุษย์ต่อเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองอย่างที่มันควรจะเป็น
เป็นครั้งแรกที่เฟรนไชส์นี้ถูกนำเสนอด้วยเรื่องจิตวิทยา ฉากเสียอาการของเธอ ดึงความสนใจไปที่การตอบสนองของบอนด์ ที่เข้ามาปลอบโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาพวกเขามักจะสร้างสายลับรายนี้ให้ "ปฏิบัติต่ออิสตรี" อย่างไร้ประโยชน์
มันเป็นฉากสั้นๆ แต่มีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อในการสร้างบอนด์ ที่แตกต่างออกไปในฐานะชายผู้แข็งแกร่งหากแสดงให้เห็นถึงอีกด้านอันอ่อนโยนที่เขามีต่อผู้หญิงคนนี้ออกมาจากใจจริง…
Casino Royale(2006) ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอคชั่นที่ดีที่สุดของทศวรรษที่ผ่านมา...และน่าจะดีที่สุดในเฟรนไชส์บอนด์ เป็นการประดิษฐ์ตัวละครแห่งศตวรรษใหม่ โดยผู้อำนวยการสร้างบาร์บารา บร็อคโคลี่ อธิบาย “มันเป็นโลกที่จริงจังมากขึ้น และฮีโร่ของเราจะต่อสู้ด้วยการตัดสินที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น และความเหลื่อมล้ำน้อยลง”
ภาพยนตร์บอนด์เรื่องใหม่เหล่านี้มืดมนและโหดเหี้ยมกว่า แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือให้ความลึกซึ้งทางจิตใจและอารมณ์ที่ขาดหายไปจากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตามฉากดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างมนุษย์ธรรมดาสองคนอย่างแท้จริง ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องยกย่องสองนักแสดงที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนผู้กำกับมาร์ติน แคมป์เบลล์ ที่ให้ความสำคัญกับฉากดังกล่าวพอๆกับการแสดงผาดโผน
และทั้งหมดนี้ได้ยกระดับเฟรนด์ไชส์ให้เป็นภาพยนตร์ที่ครบอรรถรสความบันเทิง ครองใจผู้ชมไปทั่วโลก..
#ตอนจบทำเอาน้ำตาซึม...❤
source : doctorofmovies
โฆษณา